ดร.โอม โษฑศ์รัตต ธรรมบุษดี ::: Ph.D. in Information Technology, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี::: คอลัมน์แขกรับเชิญ ::: คุยเรื่องเรียนด๊อกเตอร์กับด๊อกเตอร์

วันนี้คอลัมน์แขกรับเชิญ ของเพจก็แค่ปริญญาเอก ที่มาทักทายและแบ่งปันข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการเรียนปริญญาเอก คือ ดร.โอม ที่เขาบอกว่า 7 ปีในการเรียนปริญญาเอกนั้นคุ้มค่ามาก…

1-รูปครอบครัว.jpg

แนะนำตัวนิดนึง ค่ะ

สวัสดีครับ ผม อาจารย์ ดร.โษฑศ์รัตต ธรรมบุษดี ชื่อเล่นชื่อ โอม ครับ เรียนจบ Ph.D.ด้าน Information Technology มาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ (SIT) ครับ โดยสาขางานวิจัยที่ทำตอนเรียนอยู่คือ Data Mining และ กฎหมายอาญาครับ

6-ตอนเป็นอาจารย์2.jpg

ทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนปริญญาเอก

จริงๆ ตอนแรก คือเพราะได้ทุนครับ (ยิ้ม) ตอนที่จบปริญญาตรีใหม่ๆ  ปุ๊บ ก็มีความคิดว่า อยากเรียนต่อ แล้วได้ไปสมัครทุนพัฒนาอาจารย์ และได้รับการคัดเลือกครับในการเรียนปริญญาโทและปริญญาเอก ก็เลยเหมือนกับเป็นเส้นทางชีวิตที่ขีดตรงมาเรื่อยๆ

แต่ระหว่างที่เรียนทั้งโท-เอก ก็ทำงานพิเศษหลายอย่างครับ หนึ่งในนั้น คือเป็นผู้ช่วยสอนกับเป็นติวเตอร์เด็กนักเรียนมอปลาย ด้วย ระหว่างนั้นก็คิดว่า ตัวเองชอบสอนหนังสือด้วยครับ

8-ตอนเป็นอาจารย์4.jpg

ระหว่างเรียนปริญญาเอก ได้พัฒนาทักษะอะไรบ้าง

ต้องเกริ่นก่อนนะครับว่า ตอนที่มีโอกาสได้เข้าเรียนเนี่ย ถือว่าเด็กมาก จบปริญญาตรีอายุ20 จบปริญญาโทอายุ 22 แล้วได้เข้าเรียนPh.D.ตอนอายุ23 ถือว่า เบบี๋มาก แล้วได้มีโอกาสมาเรียนในสถาบันที่มีความเป็นมืออาชีพด้านการทำงานและการทำวิจัยมากๆ ด้วย

ตอนเข้ามาตอนแรกที่มั่นใจในตัวเองมากๆ แต่เข้ามาปีแรกๆ มานี่ ความมั่นใจหายหมดเลย (หัวเราะ) ระหว่างที่เรียน ได้จดจ่อกับการทำวิจัย ได้ร่วมทำงานกันอย่างมืออาชีพ กับทั้งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และเพื่อนนักวิจัยด้วยกัน

ถ้าถามว่า ได้เรียนรู้อะไรบ้าง เยอะมากครับ การทำงาน การใช้ชีวิต ความเอาใจใส่ในกระบวนการ ทักษะการสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

5-ตอนเป็นอาจารย์1.jpg

พบเจออุปสรรคอะไรบ้างไหมคะ

อุปสรรคเยอะมากเลยครับ (หัวเราะ) และคิดว่า น่าจะเจอกันทุกคน แต่สำหรับผมปัญหาอย่างแรกที่พบคือ เรื่องของหัวข้อที่เลือกเรื่องการใช้เทคโนโลยี Data Mining ไปประยุกต์ใช้กับกฎหมายอาญา ซึ่งโดยพื้นฐานผมไม่มีพื้นทางด้านกฎหมายเลย แต่ช่วงนั้น อยากทำหัวข้อที่มี Impact ต่อสังคม เลยเลือกทำเรื่องแบบนี้ครับ

ก็ใช้เวลาศึกษาเพิ่มพอสมควร ปัญหาอีกอันคือ เวลาครับ แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานประจำ แต่ก็มีงานพิเศษอยู่เรื่อยๆ จนบางที กินเวลาเรียนไป จนไม่ได้จดจ่อกับงานวิจัยเท่าไหร่ รวมถึงปัญหาที่ว่า เราได้มาร่วมทำงานกับของจริง เราก็ต้องปรับตัวพอสมควร

4-แถม
จุดเปลี่ยนอีกอันคือ อาจารย์ที่ปรึกษาครับ อาจจะเพราะสไตล์เรากับอาจารย์ที่ปรึกษาคนแรกไม่ตรงกัน จนบางครั้งเรากลัวที่จะเข้าไปหาอาจารย์ด้วยซ้ำ มีบางทีไม่ได้เจอกันเป็นเดือนก็มี พอไม่ได้เจอก็เครียด ฟุ้งซ่าน คิดเยอะ งานก็ไม่ออก

จนมาวันนึง อาจารย์ท่านบอกว่า เค้าต้องย้ายไปต่างประเทศ ตอนนั้นเหมือนฟ้าผ่าเลยครับ คิดอยากจะเลิกเรียนเลย คิดสั้นก็มีแวบเข้ามาด้วย

แต่สุดท้ายวิกฤตินี้ก็ทำให้เราได้มีโอกาสได้เริ่มกับอาจารย์อีกท่าน ซึ่งมีสไตล์การทำงานที่เป็นระเบียบมีแบบแผน และใส่ใจนักศึกษามากๆ อาจารย์ท่านอ่านงาน แนะนำ แม้ว่าบางทีเราจะรู้ว่า สิ่งที่เราส่งไปมันไม่ได้เรื่อง แต่อาจารย์ก็แนะนำ มีทั้งไม้แข็งไม้อ่อน (หัวเราะ)

กว่าที่ผมจะจบได้ ก็แทบตายเหมือนกัน แต่ระยะเวลา 7 ปีในการศึกษาที่บางคนมองว่านาน สำหรับผม ผมว่า มันคุ้มค่าครับ

7-ตอนเป็นอาจารย์3.jpg

ผ่านช่วงเวลาที่ยากของด่านปริญญาเอกมาได้อย่างไร

นอกเหนือจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ครอบครัวและคนรอบข้างก็สำคัญครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ใจเราเอง

ทุกคนเคยมีโมเมนต์ ท้อถอย ท้อแท้ อยากเลิก ไม่รู้จะทำอะไรแค่เปิดคอมมาก็ถอนหายใจแล้ว อะไรประมาณนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องสู้กับมันต่อครับ ต้องใช้ชีวิตให้เป็น แบ่งเวลาในการพักผ่อน ออกไปเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นๆที่เป็นการชาร์จแบตให้ชีวิต แต่ละคนชอบไม่เหมือนกันครับ

2-พ่อกับแม่.jpg
คิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรียนสำเร็จมีอะไรบ้าง

ขอเรียงลำดับจากมากไปน้อยนะครับ 1.ตัวเราเอง 2.อาจารย์ที่ปรึกษา 3.หัวข้อวิทยานิพนธ์ 4.เวลา  ผมว่า ถ้า 4 ปัจจัยนี้แข็งแรง ปัจจัยอื่นก็แทบไม่มีผลครับ

ปัจจุบันทำงานอะไรคะ และได้ใช้ทักษะ ความรู้จากการเรียนมาประยุกต์ใช้กับงานอย่างไรบ้าง

ปัจจุบันทำงานเป็นอาจารย์อยู่ที่หลักสูตร IT Management คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลครับ โดยรับผิดชอบเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรระดับปริญญาโทและปริญญาเอก

สิ่งที่เป็นผลจากการบ่มเพาะมาตลอด7ปีที่ได้เรียน สิ่งหนึ่งที่ได้คือการทำงานอย่างมืออาชีพครับ การเข้าสอนตรงเวลา การเตรียมการสอนอย่างมืออาชีพ การมีความใส่ใจกับนักเรียนทั้งในบทบาทของผู้สอนกับอาจารย์ที่ปรึกษา โดยเฉพาะบทบาทการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย ผมจะถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับนักศึกษาเสมอๆ ครับ

การประชุมตรงเวลา และมีการเตรียมประชุมไม่กินเวลาทำงานของผู้ร่วมงาน การทำงานวิจัยอย่างเป็นระบบแบบแผน ความใส่ใจในกระบวนการทำงาน และที่สำคัญที่สุด คือการให้เกียรติ และไม่มักง่ายกับการศึกษา  เพราะเรารู้ว่าความสำเร็จที่ยั่งยืนมันต้องมาจากกระบวนการที่มีความใส่ใจครับ

9-ตอนเป็นอาจารย์5

สุดท้าย มีข้อคิดอะไรอยากฝากอะไรไว้ให้ผู้ที่กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่บ้าง

ปลายทาง” ของคนที่เรียนทุกคนก็คือใบปริญญาครับ แต่สิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของผู้เรียนคือ “ระหว่างทาง”คุณเก็บเกี่ยวอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ในช่วงแรก ที่ผมเคว้งไป เพราะผมตั้งเป้าว่า ทำยังไงก็ได้ให้จบ ซึ่งมันไม่ใช่วิธีคิดที่ดีเลย

การที่คุณเป็นดุษฎีบัณฑิตที่มีคุณภาพ นอกจากดีกับตัวคุณเอง ยังดีต่อสถาบันและประเทศชาติด้วยครับ เพราะ “ระหว่างทางสำคัญกว่าปลายทาง ครับ

3-รูปของที่ระลึกจากงานปัจฉิมนิเทศ

เพจก็แค่ปริญญาเอก ขอขอบคุณการแบ่งปันข้อคิดและประสบการณ์จากดร.โอม ที่เป็นแรงบันดาลใจที่ดียิ่งให้ใครอีกหลายคนที่สนใจหรือกำลังเดินอยู่บนเส้นทางการเรียนปริญญาเอกนี้

เพจก็แค่ปริญญาเอก ยินดีเปิดพื้นที่สำหรับการแบ่งปันประสบการณ์การเรียนปริญญาเอก เชิญชวน inbox มาหาเรา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อนๆ คนอื่นกันค่ะ

แขกรับเชิญคนต่อไปจะเป็นใคร ติดตามได้ที่นี่ ที่เดียว!!

ใส่ความเห็น