ดร.นิว ฐิศิรักน์ โปตะวณิช ::: Ph.D. in Business and Management, University of Manchester ประเทศอังกฤษ ::: คอลัมน์แขกรับเชิญ ::: คุยเรื่องเรียนด๊อกเตอร์กับด๊อกเตอร์

แขกรับเชิญคนล่าสุดที่เราอยากให้คุณได้รู้จัก คือ ดร. ฐิศิรักน์ โปตะวณิช  หรือ ดร.นิว เธอเพิ่งจบการศึกษา Ph.D. in Business and Management จาก University of Manchester ประเทศอังกฤษ การเรียนปริญญาเอกของเธอหล่อหลอมให้เธอเติบโตและมีมุมมองทางความคิดที่เปลี่ยนไปได้อย่างไร ไปติดตามกัน…

18119750_10208959305795508_2029402580_o.jpg

พราะอะไรถึงตัดสินใจเรียนปริญญาเอก

ในตอนนั้น นิวเพิ่งเรียนจบปริญญาโทด้าน marketing จากที่ University of Manchester ค่ะ แต่ยังรู้สึกว่า ตัวเองครึ่งๆ กลาง ๆ เหมือนยังเรียนรู้ไม่สุดทาง จึงเกิดความคิดว่า ถ้าเราทำงาน แต่ยังไม่รู้ลึกถึงเรื่องนั้นจริง ๆ งานที่ทำมันก็คงออกมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ต่างกับตัวเรา

นิวเลยมี passion ที่อยากเรียนรู้ ให้ลงลึกไปในสิ่งที่เราสนใจจริง ๆ ก็คือ marketing ในแง่ consumer behaviour เพราะรู้สึกว่า การทำงานด้าน marketing ถึงเราจะรู้จัก strategy ต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าเราไม่เข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังของ consumer จริง ๆ เราจะกำหนดทิศทางการตลาดที่ดีได้ยังไงกัน

พอคิดแบบนั้น นิวเลยมาสะกิดใจตรงที่ว่า ตอนนิวทำ dissertation ของปริญญาโท เราเองก็ทำคะแนนได้สูงอยู่นะ โดยส่วนตัวก็ชอบค้นคว้าสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติมจากในตำราอยู่แล้ว ประกอบกับคุณพ่อ คุณแม่ ก็เชียร์อยากให้เราเรียนปริญญาเอก นิวเลยสรุปเลยว่า งั้นตัดสินใจเรียนปริญญาเอกก็แล้วกัน เราจะได้เรียนรู้สิ่งที่เราสนใจได้สุดทางจริงๆ

18111172_10208959306035514_376038840_o.jpg

ะหว่างเรียน พบเจออุปสรรคอะไรบ้างไหมคะ

เอาเป็นว่า พบอุปสรรคตั้งแต่เริ่มเรียนเลยดีกว่าค่ะ เพราะ ต้องยอมรับว่า นิวเริ่มต้นเรียนปริญญาเอก โดยคิดแค่เผินๆ  ว่า มันคือการทำหัวข้อที่ต่อยอดในรายละเอียดมากกว่าการทำปริญญาโทเท่านั้น มันจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่มากในการเรียนปริญญาเอกของนิว เพราะหัวข้อที่เราพยายามพัฒนานั้น มันยังไม่มีคุณภาพมากพอที่จะเป็นงานระดับปริญญาเอกได้

ปัญหานี้ ทำให้นิวท้อถึงขั้นอยากเลิกเรียนจริงๆ เพราะทำยังไงเราก็ยังไม่สามารถพัฒนาหัวข้อได้ตามที่ supervisor ต้องการ แย่ถึงขั้นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร้องไห้โทรศัพท์ไปหาครอบครัวเลยว่า ไม่เรียนแล้ว เพราะ แม้แต่ ตัว supervisor เองยังตั้งข้อสงสัยในตัวนิวเลยว่า “สมควรที่จะเรียนปริญญาเอกรึเปล่า”

แต่สุดท้าย ก็ได้คำสอนของคุณแม่ ที่คอยพูดเข้าหูเราตลอดเวลาว่า ไม่มีใครทำให้เราแพ้ได้ นอกจากตัวเราเอง นิวเลยคิดว่า ในเมื่อเรามาถึงขนาดนี้ เราก็ต้องสู้มันไปให้สุดทาง นิวจึงตัดสินใจ ตั้งสติสู้ ลองออกมาดูภาพกว้างๆ ว่า จริงๆ ปัญหาในการพัฒนาหัวข้อของเราคืออะไร

จนได้คำตอบว่า ปัญหามันมาจากตัวเราเอง ที่ไม่เข้าใจจริงๆว่าการเรียนปริญญาเอกคืออะไร?  จริงๆแล้วที่ผ่านมา นิวมัวสนใจแต่หัวข้ออย่างเดียวว่า มันจะต้องน่าสนใจอย่างงั้นอย่างงี้ โดยละเลยที่จะคิดถึงในเรื่องของผลลัพธ์ว่า คำตอบที่ได้จากหัวข้อของเรานั้น มันสามารถไปเติมเต็มช่องว่างขององค์ความรู้ที่มีอยู่ได้รึเปล่า?

พอนิวเข้าใจได้แบบนั้น มันเลยไปปรับเปลี่ยนกระบวนความคิดใหม่ทั้งหมดในการเรียนปริญญาเอก จนทำให้เราสามารถเรียนมาจบได้ เพราะที่สุดแล้ว หัวใจของการเรียนปริญญาเอกหรือสิ่งที่เราต้องทำจริงๆ คือ การสร้างองค์ความรู้ใหม่ หรือ academic contribution

พอเรารู้และเข้าใจว่า เป้าหมายที่เราต้องทำมันคืออะไร เราจึงสามารถเดินไปหาเป้าหมายนั้นได้อย่างถูกต้อง อาจจะมีช้าบ้าง มีอุปสรรคบ้าง แต่อย่างน้อยเราไม่หลงทาง

18111280_10208959349396598_361648967_o

ระหว่างเรียนปริญญาเอก ได้พัฒนาทักษะอะไรบ้าง

การเรียนปริญญาเอก ทำให้นิวเปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็ว่าได้ค่ะ หลักๆเลย คือ กระบวนความคิดนิวเปลี่ยนไป เพราะ โดยธรรมชาติของการเรียนปริญญาเอกนั้น เราต้องเจอกับแรงกดดันและคำวิจารณ์ต่างๆ ต่องานที่เราทำอยู่ตลอดเวลา

สิ่งเหล่านี้ ทำให้นิวต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนครอบคลุมในงานที่ทำ รู้จักวิธีการตอบสนองและยอมรับต่อคำวิจารณ์ต่างๆ โดยการใช้สติมากกว่าอารมณ์ และทำให้นิวเข้าใจตัวเองว่า เราควรจัดการกับแรงกดดันภายในจิตใจของเรายังไง

สำหรับนิวแล้ว นอกจากทักษะด้านความรู้มากมายที่เราได้จากการอ่านตำรา และ บทความทางวิชาการต่างๆ การเรียนปริญญาเอก ทำให้นิวกลายเป็นคนรอบคอบมากขึ้น อดทนมากขึ้นหลายเท่าตัว และที่สำคัญที่สุด คือ เราได้รู้จักปล่อยวางว่า สุดท้ายแล้วเราไม่อาจสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตได้ แต่สิ่งที่เราควบคุมได้แน่ๆ คือ ความคิดและการกระทำของตัวเราต่อปัญหาหรือความผิดหวังต่างๆที่เข้ามาปะทะกับเรา

18119654_10208959305755507_1963669726_o.jpg

ผ่านช่วงเวลาที่ยากของด่านปริญญาเอกมาได้อย่างไร

นอกจากช่วงการเรียนในปีแรกที่กว่านิวจะปรับทัศนคติความเข้าใจต่อการเรียนปริญญาเอกได้แล้ว ช่วงเวลาที่ยากที่สุดอีกช่วงนึง คงเป็นตอนที่นิวเตรียมตัวสอบ viva เพราะสำหรับนักเรียนปริญญาเอกแล้ว การสอบ viva มันเหมือนเป็นการชี้ชะตาว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เราทำมา มันจะสำเร็จ หรือ ล้มเหลว

นิวเชื่อว่า ทุกคนจะเป็นเหมือนกันคือ เวลาอ่าน thesis ตัวเอง มันไม่มีทาง perfect เราจะค้นพบข้อบกพร่องของงานเราตลอดเวลา ยิ่งโดยเฉพาะตอนเราเตรียมตัวสอบ ด้วยความที่เรากังวลมาก กลัวว่า จะตอบคำถาม examiner ได้ไม่ดี เราก็จะยิ่งจับผิดตัวเอง กลายเป็น panic อยู่ตลอดช่วงเวลาที่เราเตรียมสอบ

สิ่งที่ทำให้นิวผ่านมาได้ คงเป็นเรื่องของ ‘สติ’ ล้วน ๆ จริง ๆ แล้ว การเรียนปริญญาเอก ศัตรูที่สำคัญที่สุด คือจิตใจของตัวเราเองว่า เราจะยอมตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เราสร้างขึ้นมา หรือเราเลือกที่จะมีสติ และมองมันตามจริงว่า มันก็แค่ปริญญาเอก เพราะสิ่งที่เราเผชิญ มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรขนาดนั้น มันเป็นเพียงกระบวนการของการเรียนปริญญาเอก ที่เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ก็เท่านั้นเอง

18119938_10208959306115516_1843203398_o.jpg

คิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรียนสำเร็จมีอะไรบ้าง

นิวเชื่อว่า คนที่จบปริญญาเอกมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหมดคือ ความอดทน เพราะปัจจัยที่จะทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนปริญญาเอก มันไม่ใช่เป็นเพราะ เราไม่เก่ง แต่เป็นเพราะ เราไม่อดทนต่อความท้าทายหรือความกดดันต่างๆที่เข้ามา

สำหรับนิวแล้ว การเรียนปริญญาเอก มันคือ การต่อสู้กับจิตใจของตัวเองต่อความเหนื่อยยากลำบาก ทั้งในด้านการอ่านตำราต่างๆ มากมาย ที่อ่านเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่า จะไม่พอ การเขียนงาน ที่ต้องแก้ราวกับว่ามันไม่มีวันสิ้นสุด รวมทั้ง คำวิจารณ์ แรงกดดันต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาระหว่างเรียน

จากประสบการณ์ที่นิวพบเจอผู้คนระหว่างเรียนปริญญาเอก คนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคนั้น จะสามารถเรียนสำเร็จ มากกว่าคนฉลาดแต่ไม่มีความอดทน

18120157_10208959306155517_215597627_o.jpg

ปัจจุบันทำงานอะไร และได้ใช้ทักษะ ความรู้จากการเรียนมาประยุกต์ใช้กับงานหรือไม่ อย่างไรบ้างคะ

ปัจจุบัน ทำงานร่วมกับพี่ชายค่ะ เป็นบริษัท production ที่ผลิตรายการทีวี, โฆษณา, music video รวมถึง event ต่างๆ ตอนนี้ที่ร่วมงานหลักๆ ด้วยก็คือ ปตท. ผลิตรายการเส้นทางตามรอยพ่อ ซึ่งเป็นรายการเทิดพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 9 ออกอากาศใน facebook และ youtube ชื่อ NanollNani Channel ค่ะ ในนั้นก็จะมีรายการบันเทิงหลากหลาย สามารถติดตามชมกันได้นะคะ

ถึงแม้นิวอาจจะไม่ได้ทำงานทางด้านวิชาการเต็มตัว แต่ทักษะที่นิวได้จากการเรียนปริญญาเอกนั้น ช่วยในการทำงานได้เยอะ โดยเฉพาะเวลาที่นิวต้องคิด project ต่างๆ เรากลายเป็นคนที่ เวลาคิดงาน เราจะไม่คิดเผินๆ แต่ เราจะพยายามคิดเผื่อ มองไปไกลถึงสถานการณ์และคำวิจารณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้เยอะ คือ สมัยที่เรียน supervisor สอนให้นิวหัดอธิบาย thesis ของนิวทั้งหมดภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที เพราะ เค้าเชื่อว่า ถ้าคนที่รู้ในสิ่งที่ตัวเองทำจริงๆ จะสามารถอธิบายงานได้แบบกระชับไม่เยิ่นเย้อ ไม่ต้องอารัมภบทเยอะ เพื่อให้คนเข้าใจงานของเรา  สิ่งนี้ช่วยได้มากจริงๆ ยิ่งเวลาที่นิวต้องไปเจอลูกค้า และต้องอธิบายงานให้ฟัง มันช่วยให้เราขายงานได้ง่ายขึ้น

นอกจากงานที่ทำร่วมกับพี่ชายแล้ว ตอนนี้นิวเพิ่งเปิด Facebook Page ของตัวเองชื่อ Consumer 360 Degree เอาไว้พูดคุยความรู้ marketing ในแง่ consumer ที่นิวเรียนมาตอนปริญญาเอกค่ะ ความตั้งใจจริงที่อยากทำเพราะ อยากจะ share ความรู้ที่เราเรียนมาให้คนอื่นได้อ่านกันแบบเข้าใจง่าย ๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับใครได้บ้าง และในขณะเดียวกัน ตัวนิวเองก็จะได้ update ความรู้อยู่ตลอดด้วย เพราะนิวเชื่อว่า ถึงแม้เราจะจบปริญญาเอกแล้ว แต่ความรู้มันไม่มีวันสิ้นสุด เราจึงหยุดอยู่กับที่ไม่ได้

สุดท้าย มีข้อคิดอะไรอยากฝากอะไรไว้ให้ผู้ที่กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่บ้างคะ

ตอนระหว่างที่เรียนปริญญาเอกอยู่ เราก็ได้แต่พยายามทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ได้ดีที่สุดตามกำลังและความสามารถของเราเท่านั้น แต่หลังจากเรียนจบออกมา เราจึงได้เข้าใจ สัจธรรม ที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่นั่น เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง สำหรับนิว มันไม่ใช่แค่คำคม แต่เป็นทฤษฎีที่ตัวเราเองได้พิสูจน์แล้วว่ามันถูกต้องและเป็นจริง

นิวเชื่อว่า คนเราสามารถเป็นอะไรได้มากกว่าที่เราคิด ทำอะไรได้มากกว่าที่เคยทำ และอดทนได้มากกว่าที่เคยเป็น เพราะคำว่า ความพยายาม จากผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ได้เรียนเก่งหรือฉลาดไปกว่าใคร แต่เพราะความพยายาม นิวจึงสามารถมีคำว่า ดร. นำหน้าชื่อได้

สิ่งที่อยากจะฝากถึงผู้ที่กำลังเรียนปริญญาเอกที่สุด คือ  ความผิดหวัง อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างเรียน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเผชิญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ เราได้พยายามก้าวข้ามผ่านมันแล้วรึยัง เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครทำให้เราแพ้ได้ นอกจากตัวเราเองจริงๆ

 

1 ความเห็น

  1. มีข้อสงสัย มานานแล้ว กับคำว่า เรียนปเอก เพื่ออะไร นำไปใช้ประโยชน์ตรงๆ อย่างไร จบไปแล้ว สมัครงาน บริษัท ส่วนมากบอกว่าเกินQualifile ถ้าไม่อยากเป็นอาจารย์ นักวิจัย เพราะต้องเรียนแบบทำวิจัย ไม่ใช่เรียนแบบ Course Work เห็นทุกคนที่เรียนจะบ่นว่า ต้องอึด ต้องอดทน มันอึดอัดมาก ต้องทำวิจัย แก้แล้วแก้อีก ใช้เวลาเรียนมากถึง4ปี ที่เรียนก็เพราะ ที่ไหนๆก็ให้ทุนเรียนทำวิจัย

    ถูกใจ

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s