วันนี้ “ก็แค่ปริญญาเอก” ได้มีโอกาสพบปะกับ ว่าที่ ดร. คนเก่ง ต้น ธีรติร์ บรรเทิง นักศึกษาปริญญาเอก Ph.D. in Journalism and Communication จาก Tsinghua University ระหว่างที่เขาเดินทางกลับมาเมืองไทยเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะบินลัดฟ้ากลับไปศึกษาต่อ
“ก็แค่ปริญญาเอก” ไม่รอช้า รีบคว้าตัวเขามาให้สัมภาษณ์พูดคุย ให้ชาว Just a PhD ได้ทำความรู้จักกัน
ช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ
สวัสดีครับ ผมชื่อธีรติร์ บรรเทิง (ต้น) จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโทสาขานิเทศศาสตรพัฒนาการ จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาเอกชั้นปีที่ 3 ของ School of Journalism and Communication, Tsinghua University ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยกำลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับ การสร้างแบรนด์แห่งชาติของจีนในประเทศไทยครับ
ทำไมถึงตัดสินใจเรียนปริญญาเอกคะ
โดยส่วนตัวเป็นคนชอบเรียนครับ หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาโทแล้วเราคิดว่าอยากเรียนต่อในระดับสูงเพื่อให้เข้าใจสังคมในวงกว้างมากขึ้น เลยตัดสินใจว่าจะเรียนต่อครับ
ตอนนั้นมีหลายประเทศที่อยากไป เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย รัสเซีย ญี่ปุ่น เคยลงทุนเรียนภาษาญี่ปุ่นถึงสองปีระหว่างเรียนปริญญาตรี จนสอบผ่าน JLPT ระดับต้นมาแล้ว และลงเรียนภาษารัสเซียที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกหนึ่งปี
แต่จุดหักเหของเราตอนนั้นอยู่ที่หลังจากจบปริญญาโท ได้มีโอกาสทำงานที่ http://www.eduzones.com เป็นเว็บไซต์ด้านการศึกษาซึ่งเราเป็นนักข่าวตอนนั้น จะต้องออกไปทำข่าวด้านการศึกษาในที่ต่างๆ
แล้วพอดีทางศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญนักข่าวไปทำข่าวเสวนาเกี่ยวกับอาเซียน จีน และสหรัฐอเมริกา และได้ฟังนักวิชาการหลายท่าน โดยเฉพาะรองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ซึ่งท่านเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจีนในประเทศไทย เราเลยได้แรงบันดาลใจมาจากท่านครับ
หลังจากนั้นเราก็ศึกษาข้อมูลการเรียนต่อที่จีนเพิ่มมากขึ้นและทราบว่า ไทยเรามีนักวิชาการที่ไปร่ำเรียนตะวันตกมากมายแต่ไม่ค่อยมีนักวิชาการด้านจีนศึกษาที่จบปริญญาเอกจากจีน จึงเป็นแรงผลักดันให้ค้นหาหลักสูตรที่เราสนใจและลองสมัครเรียนต่อดู
ช่วยเล่าถึงการสมัครเรียนต่อปริญญาเอกที่จีนหน่อยค่ะ
การสมัครเรียนต่อระดับปริญญาเอกในประเทศจีนนั้น หลายมหาวิทยาลัยจะต้องทำการติดต่อหาอาจารย์ที่ปรึกษาคนจีนให้รับเราเข้าศึกษาก่อนครับ แล้วถึงจะสมัครเข้ากระบวนการสอบด่านต่างๆของทางมหาวิทยาลัย โดยเรามองไปที่มหาวิทยาลัยใหญ่ๆของจีนก่อน
โดยที่มหาวิทยาลัยชิงหวา (Tsinghua University) มีคณาจารย์ที่ผมสนใจงานของเขา เลยทำการสมัครเรียนที่นี่ และได้รับโอกาสจากทางมหาวิทยาลัยให้ได้รับทุนการศึกษาตลอดระยะเวลาการศึกษาครับ
พอได้มาเรียนแล้วไม่ผิดหวังที่มาเรียน มหาวิทยาลัยมีทรัพยากรทางการศึกษาที่ครบครัน มีกิจกรรมทางวิชาการตลอดเวลา รวมทั้งกิจกรรมของนักเรียนซึ่งทำให้เราสนุกและไม่เบื่อเลยครับ
ช่วงนี้ ภาพรวมของชีวิตการเรียนปริญญาเอกเป็นอย่างไรบ้างคะ super busy ไหมคะ
ตอนนี้อยู่ในช่วงเทอมสองของชั้นปีที่ 3 ครับ โดยเราได้เรียนรายวิชา สอบวัดคุณสมบัติ (Comprehensive Exam) และก็สอบโครงร่างวิทยานิพนธ์เสร็จสิ้นแล้ว ที่เหลืออยู่ตอนนี้คือกำลังพยายามตีพิมพ์บทความสองเรื่องซึ่งเป็นข้อบังคับนักเรียนทุกคนของคณะจึงจะสามารถขอสอบจบและสำเร็จการศึกษาได้ครับ
ถ้าถามว่ายุ่งไหมส่วนตัวมองว่า เลยช่วงเวลาที่เรายุ่งมากไปแล้ว คือช่วงของการคิดและพัฒนาโครงร่างวิทยานิพนธ์ครับ ซึ่งต้องคิดเยอะมากครับ เริ่มจากการเขียนบรรณานุกรม รวบรวมงานสำคัญในสาขาวิจัยก่อนเลยครับ นั่งไล่อ่านไปเรื่อยๆเพื่อประกอบเป็นแนวคิดและทฤษฎีในงานวิจัยของเราครับ
ส่วนตัวพบว่า ถ้าเราสนุกกับเรื่องที่เราทำ แม้จะยากแค่ไหน เราก็จะสามารถผ่านมันไปได้ครับ
เมื่อมาเรียน ป.เอกแล้ว มีการแบ่งเวลาในชีวิตอย่างไรบ้างคะ
ส่วนตัวเรื่องของการแบ่งเวลาจำเป็นมากครับ เพราะในแต่ละวันมีสิ่งที่เราจะต้องทำหลายอย่าง ต้องกำหนด deadline ส่งงานของตัวเอง เพราะการเรียนระดับปริญญาเอกตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ จะต้องคิดกระบวนการทำวิจัยเอง
เมื่อเราไม่เข้าใจงานวิจัยตรงไหน เมื่อไปปรึกษาอาจารย์ของเรา อาจารย์ท่านจะไม่บอกมาตรงๆ ครับ แต่จะส่งบทความมาให้เราอ่านให้เราไปคิดต่อยอดเอาเอง ตรงนี้ส่วนตัวมองว่า อาจารย์ท่านต้องการฝึกเรา ให้เราแสวงหาความรู้เอาเองจากการอ่าน ทบทวนซ้ำๆ เพื่อฝึกเรา
และเราก็พบว่า สิ่งนี้เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้องค์ความรู้ต่างๆ ของเรื่องที่เราเรียนซึมซับเข้าสมองเราได้เป็นอย่างดี เมื่ออยากทบทวนเรื่องที่เราต้องการหาในครั้งต่อไป ก็จะทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น
แต่เรียนอย่างเดียวก็ทำให้ล้าได้ครับ จึงต้องหาสมดุลของร่างกาย เช่นทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ น้องๆในมหาวิทยาลัย หรือการไปออกกำลังกาย ซึ่งส่วนตัวเกือบทุกวัน จะไป Weight Training ที่ยิมของมหาวิทยาลัย มีปั่นจักรยาน RPM ฝึกปอดและพัฒนากล้ามเนื้อหัวใจ และมีวิ่งรอบสนามกีฬาบ้างครับ
ทำ thesis เกี่ยวกับอะไรคะ และทำไมถึงสนใจทำเรื่องนี้
ตอนนี้กำลังทำวิจัยด้านการสร้างแบรนด์ประเทศ (Nation Branding) ของประเทศจีนในประเทศไทยครับ เรื่องของการสร้างแบรนด์ประเทศ เป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับการสื่อสารภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศ
ซึ่งการที่ประเทศหนึ่งจะมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมต่ออีกประเทศหนึ่งได้จำเป็นที่จะต้องให้คนในประเทศนั้น มีความชื่นชอบ มีทัศนคติที่ดี และมีแนวโน้มของการสนับสนุนกิจกรรมทางวัฒนธรรม การค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งต้องอาศัยองค์ความรู้ที่สำคัญหลากหลาย ในด้านหลักๆก็จะมีด้านการสื่อสารระหว่างประเทศ (International Communication)
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านทางการทูตสาธารณะ (Public Diplomacy) รวมทั้งการตลาด (Marketing) เป็นต้น โดยเป็นงานวิจัยที่ทำอยู่มีความคาดหวังว่าจะสามารถช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนให้ดีขึ้น นำมาซึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางการค้าการลงทุน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและนำมาเป็นโมเดลพัฒนาประเทศเราในอนาคตครับ
ที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับต้นๆของไทยเราครับ และโอกาสอันดีที่มหาวิทยาลัยชิงหวาเองก็มีศูนย์วิจัยภาพลักษณ์แห่งชาติจีนตั้งอยู่ งานวิจัยหลายเรื่องเราก็ได้มีโอกาสได้ศึกษาเพิ่มเติมจากที่นี่ครับ
นอกจากนี้ส่วนตัวได้เปิดเพจ Facebook ที่ชื่อ “Brand China ยุทธศาสตร์ชาติจีน” www.facebook.com/brandingchina ซึ่งจะแบ่งปันข่าวด้านการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ของจีนในแง่มุมต่างๆ และเขียนบทความวิเคราะห์เป็นระยะเพื่อรวมรวมไว้เป็นฐานองค์ความรู้ของตัวเอง
และยังมีเพจ Facebook “มองการศึกษาโลก” www.facebook.com/tonsung.eduzones ไว้แบ่งปันข่าวด้านการศึกษาต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับทุนการศึกษาซึ่งเปรียบได้กับกลยุทธ์ด้านการทูตสาธารณะของประเทศต่างๆในการกระจายชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักผ่านนักเรียนทุนด้วยครับ
คิดว่าสิ่งที่ยากในการเรียนปริญญาเอกคืออะไรคะ
สิ่งที่ยากในการเรียนระดับปริญญาเอก ส่วนตัวมองว่าคงจะเป็นเรื่องของภาษาในการเข้าถึงงานวิจัยเชิงลึก โดยเฉพาะในภาษาจีน ซึ่งเรื่องการทูตสาธารณะที่จีนเป็นเรื่องที่มีผู้นิยมทำวิจัยกันมากในหลายมหาวิทยาลัย เพราะจีนเองก็ต้องการพัฒนาภาพลักษณ์ของตนเองให้ดีขึ้นในเวทีโลก
รัฐบาลจีนมีงบประมาณลงมาสนับสนุนการทำวิจัยเรื่องนี้เป็นพิเศษทีเดียวครับ หลายๆ มหาวิทยาลัยมีการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น เพื่อดึงดูดนักเรียนต่างชาติ มีการเปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษ มีความร่วมมือกับต่างชาติ เพื่อทำลายกำแพงด้านภาษาจีน สำหรับหลายคนที่มองว่า ภาษาจีนเป็นภาษาที่ยากโดยให้โอกาสกับชาวต่างชาติมากขึ้น โดยเขามองว่าชาวต่างชาติเปรียบได้กับทูตที่สื่อสารเรื่องราวของประเทศของเขาไปยังประเทศต่างๆ นับว่าเป็นอีกกลยุทธ์ที่ไทยเราจะต้องเรียนรู้และพัฒนาให้เท่าทันครับ
คิดว่าทำอย่างไรจึงจะผ่านด่านความยากของการเรียนปริญญาเอกไปได้คะ
สิ่งที่จะทำให้ผ่านไปได้อย่างแรกเลยคือ ต้องอดทนครับ และส่วนตัวยังยึดถือคติที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ในภาษาจีนอาจกล่าวได้ว่า 求人不如求己 (qiúrén bùrú qiú jǐ) หรือ พึ่งคนอื่นไม่สู้พึ่งตนเอง ไม่มีใครสามารถมาเรียนแทนเราได้ เราเลือกมาเรียนแล้วเราก็ต้องทำให้สำเร็จด้วยตัวเราเอง งานวิจัยที่เราทำเป็นเรื่องที่เราต้องรู้ดีและเข้าใจที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เราเรียนจบได้ครับ
เมื่อจบปริญญาเอกแล้ว คิดว่าจะทำอะไรเป็นอย่างแรกคะ
เมื่อเรียนจบแล้วคิดว่าอยากจะพักผ่อนไปเที่ยวทะเลหรือภูเขาซักเดือนหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มนำความรู้ที่ได้เรียนมาไปทำให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างครับ
มีคำแนะนำอะไรสำหรับคนที่สนใจสมัครเรียนปริญญาเอก ควรเริ่มต้นเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
เมื่อคิดที่จะมาเรียนต่อปริญญาเอก อยากให้ถามตัวเองก่อนว่า เราจะเรียนเพื่อนำความรู้ไปทำอะไร เพราะการเรียนปริญญาเอกเราต้องอยู่กับงานวิจัยไปตลอด 3-4 ปี หรือตลอดชีวิตการทำงานหลังสำเร็จการศึกษา จะต้องอ่านเอกสาร ร่วมงานประชุมวิชาการ เขียนบทความวิจัย เขียนใหม่หลายรอบ เพื่อให้งานของเรามีความสมบูรณ์ รวมถึงการให้คำปรึกษากับคนหลากหลายฐานะระดับการศึกษา
ถ้าเรามองว่า เราชอบค้นคว้าในบางเรื่องที่เราสนใจ เป็นคนขี้สงสัยและอยากได้คำตอบของสิ่งนั้น การเรียนปริญญาเอกอาจจะตอบโจทย์คุณในเบื้องต้นก็ได้ครับ
ช่างเป็นคำแนะนำที่ยอดเยี่ยม และเป็นแรงบันดาลใจที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจอยากศึกษาต่อปริญญาเอกค่ะ
“ก็แค่ปริญญาเอก” ขออวยพรให้ต้นประสบความสำเร็จในการเรียนในเร็ววัน เพื่อจะได้กลับมาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศไทยของเราต่อไปค่ะ
แขกรับเชิญคนต่อไปที่จะมาพูดคุยเกี่ยวกับการศึกษาปริญญาเอก จะเป็นใคร ติดตามได้ ที่นี่ที่เดียว !