คอลัมน์แขกรับเชิญวันนี้ เราพาไปพบกับ ดร.ขวัญ สาว Software Engineer คนเก่ง ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาเอก สาขาเทคโนโลยีวิศวกรรมไฟฟ้าและสารสนเทศ ในวัยเพียง 28 ปี ไปฟังเคล็ดลับความสำเร็จของเธอกัน

แนะนำตัวหน่อยค่ะ
สวัสดีค่ะ จิรพรรณ พงษ์ไฝ หรือ ขวัญ ค่ะ ตอนนี้อายุ 28 ปีค่ะ ถ้าเป็นเพื่อนเก่า ๆ หน่อยเรียก แอมค่ะ
ขวัญ จบปริญญาตรี (วศ.บ) สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลกค่ะ ปริญญาโท (วศ.ม) สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและสารสนเทศ และปริญญาเอก (วศ.ด) สาขาเทคโนโลยีวิศวกรรมไฟฟ้าและสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือ บางมด ทั้ง ปริญญาโท ปริญญาเอก ค่ะ
และช่วงเรียนปริญญาเอก ได้รับทุน ERASMUS+ ของ EU ไปทำวิจัยที่ University of West Attica ประเทศกรีซ ค่ะ ปัจจุบันทำงานเป็น Software Engineer อยู่ที่ บริษัท Alstom Thailand ค่ะ แล้วก็ทำ Part-time เป็น Consultant ที่ บริษัท Move on Solution ค่ะ
ทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนปริญญาเอก?
ที่ตัดสินใจเรียนเพราะตอนแรกอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยค่ะ และก็อยากท้าทายตัวเองว่า คนเรียนไม่เก่งแบบเราจะสามารถเรียนปริญญาเอกจบไหม แต่พอเรียนจบมาแล้ว ตอนนี้ยังไม่อยากเป็นอาจารย์ประจำค่ะ อยากเป็นอาจารย์พิเศษเพราะว่า ขวัญยังอยากทำงาน Engineer ให้ถึงที่สุด คือมีอุดมการณ์ที่ว่า เพราะว่าเราจะเป็นผู้สร้าง Engineer เราจึงต้องเป็น Engineer เพื่อเรียนรู้และนำความรู้และประสบการณ์ของเราไปสอนลูกศิษย์ค่ะ
ทำ thesis เรื่องเกี่ยวกับอะไร
Thesis ปริญญาเอก ทำเกี่ยวกับการหาค่าคงที่ของระบบควบคุมแบบอัตโนมัติโดยการใช้ AI ค่ะ โดยขวัญได้นำเสนอ AI ตัวใหม่ขึ้นมาสำหรับระบบควบคุมค่ะ ขวัญใช้เวลาเรียน ปริญญาเอก 3 ปี ค่ะ
ระหว่างเรียนปริญญาเอกพบเจอปัญหาอะไรที่คิดว่าใหญ่ที่สุด
ปัญหาเจอเยอะมากค่ะ เนื่องจากขวัญทำงานประจำไปด้วย เป็น Software Engineer ที่ Toyota tsusho Nexty Electronics Thailand ค่ะ ซึ่งทำตั้งแต่จบ ปริญญาตรีใหม่ ๆ แล้วก็ทำงาน Part-time เป็นอาจารย์พิเศษ สอนปริญญาตรี วันเสาร์ – อาทิตย์ สาขาวิศวกรรมดิจิทัล สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นค่ะ ไปด้วย และเรียนปริญญาเอกไปด้วย
ช่วงที่เริ่มเรียน ปริญญาเอก ใหม่ ๆ เจอเรื่องของการจัดการเวลา และอารมณ์ของตัวเองค่ะ เนื่องจากขวัญทำงานประจำไปด้วย ดังนั้น เวลาทำวิจัยของขวัญคือ กลางคืน หรือไม่ก็วันเสาร์-อาทิตย์ ตอนช่วงไม่ได้ไปสอนค่ะ นั่นหมายความว่า กลางคืนของวันปกติขวัญก็ต้องทิ้งเรื่องงาน พยายามตัดความเครียดจากที่ทำงานออกไป เพื่อให้เราสามารถมา focus ที่วิจัย ปริญญาเอกได้ และต้องทำให้ได้ตาม Plan ที่เราวางไว้ในแต่ล่ะวันค่ะ

และช่วงที่ Paper โดน Reject รอบแรกค่ะ และโดน Comment ที่ค่อนข้างแรง ตอนนั้นคือรู้สึก Fail มาก เครียดมาก ร้องไห้หนักมาก แทบอยากจะเลิกเรียนปริญญาเอกไปเลย แต่ดีที่อาจารย์ที่ปรึกษาโทรมาปลอบค่ะว่า “ไม่เป็นไร เป็นเรื่องปกติสมัยอาจารย์เรียน อาจารย์ก็โดน Reject” ก็เลยตั้งสติ คิดใหม่ ทำใหม่ลุกขึ้นมาแก้ไขแล้วส่งใหม่ค่ะ
อีกเรื่องคือ ช่วงไปทำวิจัยที่กรีซค่ะ ตอนนั้นแม่เสียค่ะ คือแม่ขวัญเสีย 1 วันก่อนที่เราจะบินกลับไทยค่ะ ตอนนั้นก็เสียใจมาก ร้องไห้หนักมาก เพราะไม่ได้เจอหน้าแม่มา 6 เดือน ตั้งใจว่ากลับไทยจะเอาขนมที่แม่ชอบไปให้แม่กิน แต่แม่ดันเสียไปก่อน ตอนนั้นก็มีโทษตัวเองนะค่ะ ถ้าเราไม่บ้าเรียน บ้าทำงาน เราอาจจะได้เจอหน้าแม่ก่อนแม่เสีย แต่ก็นึกถึงคำพูดที่แม่เคยบอกว่า “แม่ดีใจนะที่ลูกตั้งใจเรียนตั้งใจทำงาน” เลยดึงสติและตั้งใจเรียนให้จบค่ะ
คิดว่าเพราะปัจจัยอะไรที่ทำให้คุณเรียนสำเร็จ
1. อาจารย์ที่ปรึกษาค่ะ เพราะส่วนตัวมองว่า อาจารย์ที่ปรึกษาคือคนที่รู้จักเราที่สุด คือคนที่รู้ว่า เราต้องถูกสอนแบบไหนถึงจะได้ผล อย่างตอนที่ขวัญโดน Reject Paper ครั้งแรก อาจารย์ที่ปรึกษามาบอกทีหลังว่า “อาจารย์รู้ตั้งแต่แรกแล้วฉบับนั้นที่เราส่งไปยังไงก็โดน Reject แต่อาจารย์ยอมให้เราส่งเพราะอยากให้เราเรียนรู้”

ต้องบอกก่อนว่า ขวัญเป็นคนดื้อมากค่ะ แล้วช่วงแรกค่อนข้างมีความมั่นใจในตัวเองสูง เลยดื้อส่ง Journal แรกไปแบบมั่นใจว่า Accept แน่ ๆ ซึ่งนั่นขวัญว่า เป็นการเรียนรู้ที่ได้ผลมากค่ะ เพราะขวัญสามารถเขียน Paper ก่อนจบปริญญาเอก จนสามารถตีพิมพ์วารสารระดับ Q1 2 ฉบับ Q2 อีก 2 ฉบับด้วยตัวขวัญเอง คิดหัวข้อวิจัยเอง หาวิธี Proof ด้วยตัวเอง ซึ่งทั้ง 4 ฉบับอยู่ใน Web of science หมดเลย ขวัญรู้สึกว่า ขวัญโชคดีมากที่ได้อาจารย์คนนี้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาค่ะ
2. ครอบครัวค่ะ เพราะว่า เวลาขวัญมีเรื่องเครียด บางทีงานวิจัยโดน Reject ขวัญก็จะโทรไปบ่นกับที่บ้าน ที่บ้านก็จะคอยบอกตลอดว่าไม่เป็นไร หรือบางทีก็ชวนเราคุยให้เราหายเครียดค่ะ
อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการเรียนปริญญาเอก
การจัดการกับอีโก้ของตัวเองค่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็น น.ศ. ปริญญาเอก อ่ะนะคะ ก็จะมีแต่คนชื่นชมเราเยอะมากจนบางทีเราก็หลงไปกับคำชมเหล่านั้น บวกกับเราเป็นที่เรียนหนังสือไม่เก่งค่ะ และเมื่อก่อนก็ชอบโดนเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา มันเลยยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า ตอนเริ่มเรียนใหม่ ๆ เราเก่ง เรารู้เยอะ กลายเป็นคนไม่ยอมฟังใคร มั่นใจในตัวเองมาก พอเวลาทำอะไรผิดก็จะกลัวไม่ยอมรับความผิด เพราะคิดว่าตัวเองเป็นถึง “ปริญญาเอก” จะให้เสียหน้าได้ยังไง
ซึ่งมาระลึกและรู้ตัวตอน Paper แรกโดน Reject ค่ะ ก็คือเศร้ามาก จนต้องเริ่มฝึกให้ตัวเองมองโลกในความเป็นจริงค่ะ คือ เราไม่รู้ก็บอกไม่รู้ แล้วไปศึกษา เดี๋ยวเราก็รู้ เราทำผิดก็ยอมรับผิดแล้วทำใหม่ แล้วก็ฝึกรับฟังคำเตือนคนอื่นมากขึ้น และฝึกรับฟังความคิดเห็นที่ต่างจากเราบ้างค่ะ

ปัจจุบัน ได้ใช้ทักษะ ความรู้จากการเรียนมาประยุกต์ใช้กับงานหรือไม่ อย่างไรบ้าง?
ได้ใช้หมดเลยค่ะ ต้องบอกก่อนว่าด้วยหน้าที่การงานของขวัญตอนนี้ คือขวัญต้องดูแล Project ที่ค่อนข้างใหญ่
1. ขวัญต้องติดต่อ ประสานงานกับคนเยอะ ทั้งจากผู้ใหญ่ที่อายุ 40 Up หรือ พี่ ๆ ที่เคยทำงานมาก่อน หรือน้อง ๆ ที่จบใหม่เพื่อให้งานเราปิดให้ได้ ดังนั้น Soft Skill ที่ขวัญเรียนรู้มาจากอาจารย์ที่ปรึกษาได้ใช้แบบ 100% ค่ะ
2. ขวัญต้องเขียน E-mail เพื่อ Discuss กับ Engineer ต่างชาติ ดังนั้น Skill การสื่อสารที่กระชับ และเข้าใจง่ายที่เราได้มาจากการเขียน Paper จึงได้ใช้ค่ะ
3. งานขวัญบางงานเป็นงานที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ต้องไปหาข้อมูล วิเคราะห์ว่าจะทดสอบยังไงให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่ง Skill ที่ได้จากการเขียน Paper ที่ว่าเราจะ Proof วิธีการของเรายังไงให้ Advisor ยอมรับและ Reviewer ยอมรับได้ใช้เต็ม ๆ ค่ะ

สุดท้าย มีข้อคิดอะไรอยากฝากอะไรไว้ให้ผู้ที่กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่
“ไม่ว่าใครจะดูถูกเรา เราต้องไม่ดูถูกตัวเอง ค่ะ ลุยและสู้กับทุกปัญหาและอุปสรรค เพราะนั่นคือแบบทดสอบเราว่าคู่ควรที่จะได้รับผลของปลายทางนั้นหรือไม่”
เพราะขวัญ เป็นคนที่เคยโดนดูถูกมาตั้งแต่เรียน ปริญญาตรี ค่ะว่า ไม่มีทางเรียนจบ ปริญญาตรี พอมาเรียน ปริญญาโท ขวัญบอกว่าขวัญตั้งใจจะเรียนให้จบ 1.5 ปี ก็มีคนว่าขวัญ ว่าไม่มีทางที่จะเรียนจบ มันยากมาก สุดท้ายขวัญก็จบ ปริญญาโท 1.5 ปี แบบมี 2 international conferences ด้วย

พอขวัญเรียน ปริญญาเอก ช่วงเริ่มเรียนก็มีคนมาว่าแม่ขวัญว่า พ่อแม่ก็ใช่ว่าจะมีใบปริญญาลูกจะเป็น ดร. ได้เหรอ นั่นแหละค่ะ เพราะคำดูถูกในทุก ๆ ช่วงชีวิตการเรียนในแต่ละระดับของขวัญ ทำให้ขวัญมีแรงสู้กับทุกปัญหาทั้งเล็กและใหญ่ จนเป็น ดร. ได้ และอาจารย์ที่ปรึกษาขวัญเคยบอกขวัญว่า “ขวัญไม่ใช่คนเก่งนะ แต่ขวัญคือคนพยายามและตั้งใจ คนแบบนี้ถึงจะเป็น ดร. ได้”
สำหรับพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่คิดจะเรียน หรือกำลังเรียนอยู่ ทำมันให้สุดค่ะ เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน เหนื่อยก็พัก ค่ะ ถ้าใครที่โดน Reject Paper มาก็แก้แล้วส่งใหม่นะค่ะ วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของเรา แต่สักวันมันต้องเป็นวันของเราค่ะ เอาใจช่วยนะคะ
เพจก็แค่ปริญญาเอก ขอขอบคุณ ดร.ขวัญที่มาแบ่งปันประสบการณ์การเรียนปริญญาเอก และฝากมุมมองความคิดที่ยอดเยี่ยมให้กับพวกเราค่ะ
เพจก็แค่ปริญญาเอก ยินดีเปิดพื้นที่สำหรับการแบ่งปัน เชิญชวน inbox มาหาเรา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การเรียนปริญญาเอกให้กับเพื่อน ๆ คนอื่นกันนะคะ เราเชื่อว่า นอกจากความตั้งใจ (และความอึด !)ที่จะทำให้ผู้เรียนฝ่าฟันจนไปให้ถึงฝั่งฝันของการเรียนปริญญาเอก กำลังใจ ก็สำคัญมาก ๆ เช่นกัน
เพิ่งได้รับตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยว่าสอบติดปริญญาเอกค่ะ เครียดมาก ลังเลว่าจะเรียนดีไหม กลัวมาก แต่พอมาอ่านสัมภาษณ์ของ ดร.ขวัญ มีกำลังใจขึ้นมาเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ
ถูกใจถูกใจ