สวัสดีค่ะ ไม่แน่ใจยังจำเฟรนกันได้ไหม งั้นขอแนะนำตัวคร่าว ๆ ก่อนละกันค่ะ
ชื่อ ดร.เฟรน หรือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริอักษร จักรบวรพันธุ์ นะคะ
เฟรนเคยให้สัมภาษณ์เพจไปเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน (2017) หลังเรียนจบปริญญาเอกทางด้านวิศวกรรมศาสตร์จาก University of Sussex, U.K. ตอนอายุ 26 ปี
แต่วันนี้เฟรนอยากจะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานหลังจากจบปริญญาเอกและการได้รับตำแหน่งทางวิชาการระดับ “ผู้ช่วยศาสตราจารย์” สาขาวิศวกรรมโทรคมนาคมและการสื่อสาร ด้วยวัย 29 ปี มาสด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ
หลังเฟรนจบปริญญาเอกมาก็เข้าทำงานเป็นอาจารย์ประจำ หลักสูตรวิศวกรรมดิจิทัล (นานาชาติ) สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นหลักสูตรที่กำลังจะเปิดใหม่ในปีการศึกษา 2561 เฟรนเข้าทำงานได้ประมาณ 8 เดือน และก็ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานหลักสูตรวิศวกรรมดิจิทัล (Head of Digital Engineering Programme) ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานที่ท้าทายความสามารถเราเหมือนกันค่ะ
แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้นำ vision ใหม่ ๆ ของเรามาบริหารหลักสูตร เฟรนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารคณะแต่ในทำนองเดียวกันก็ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเราเหมาะสมหรือไม่? เราจะมีศักยภาพในการบริหารหลักสูตรที่พึ่งจะเปิดใหม่หรือไม่? รวมไปถึงวัยวุฒิเราที่อาจจะยังน้อยต่อประสบการณ์ ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 27 ปี หลังจากรับตำแหน่งประธานหลักสูตร ?
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เรากลัว เพราะยิ่งได้ยินเสียงในแง่ลบมากเท่าไหรมันเหมือนเป็นการท้าทายความสามารถเรามากเท่านั้น เรารู้แก่ใจว่ายังไงเราก็ต้องทำได้และเชื่อมั่นในตนเองเพื่อผ่าวิกฤตต่าง ๆ ไปได้ หากท่านใดที่ทำงานในสายอาจารย์มหาวิทยาลัยจะทราบดีว่า การบริหารหลักสูตรใหม่ ๆ ที่เพิ่งเปิดนั้นมีอุปสรรคเยอะเเยะมากมายให้เราปวดหัว ไหนจะเรื่องหลักสูตร สกอ. การประชาสัมพันธ์หลักสูตร การรับนักศึกษาเข้าใหม่ การออกแบบเนื้อหาคอร์สที่จะสอน การสรรหาอาจารย์มาสอนในแต่ละรายวิชา ซึ่งก็เป็นโจทย์ที่ท้าทายเรามาก
ต้องบอกก่อนเลยว่าการทำงานบริหารควบคู่ไปกับการสอนก็ถือว่าหนักแล้ว แต่การที่เราจะต้องพยายามเขียนงานวิจัยและส่งเอกสารต่างๆเพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการไปในเวลาเดียวกัน ก็หนักเอากาลเลยค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้เฟรนผ่านทุกอย่างมาได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จในทุกวันนี้คือ การที่เรามีวินัยในตนเอง เฟรนมักจะบอกคนอื่นเสมอว่า เฟรนไม่ได้เก่งเลย หากเทียบกับคนอื่น ๆ เราหัวช้าด้วยซ้ำไป ต้องอ่านหนังสือหรือศึกษาอะไรหลายๆอย่างหลายรอบถึงจะเข้าใจ สิ่งที่เฟรนอาจจะมีมากกว่าคนอื่น ๆ คงจะเป็นในเรื่องของ
- การมีวินัยในตนเองและรับผิดชอบต่องานที่ได้รับ : เฟรนมักจะมีสมุดโน้ตเล็ก ๆ ไว้จดเป็นปฏิทินว่าหลังจากจบวันนี้แล้วเราจะแพลนงานทุกอย่างสำหรับพรุ่งนี้และวันถัด ๆ ไปเลย พอมาทำงานในวันรุ่งขึ้น เราก็จะได้ลงมือทำทันทีค่ะ ไม่ต้องมาถึงแล้วมานั่งคิดว่าจะทำอะไรวันนี้ดี และมันจะช่วยให้เราไม่ลืมนัดหรือการส่งงานด้วยค่ะ
- รู้เป้าหมายและวางแผน : ข้อนี้สำคัญเหมือนกันค่ะ หากเราทำงานทำหน้าที่ของเราไปวันๆโดยไม่เซ็ท Goal อะไรเลยก็จะเป็นการยากที่เราจะบังคับตัวเราเองให้ประสบความสำเร็จ อย่างเฟรนก็แพลนไว้ว่าตอนอายุ 28 เราจะเริ่มยื่นเรื่องเพื่อเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการระดับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ซึ่งก็เป็นไปตามที่แพลนไว้ แม้ว่าเราจะมีภาระงานบริหารเพิ่มเข้ามาก็ตาม
- ความพยายาม : ยังคงเป็นสิ่งที่เฟรนใช้ให้กำลังใจตัวเองตั้งแต่ตอนสมัยเรียนปริญญาเอก ซึ่งมันก็ได้ผลจริง ๆ ค่ะ แม้ว่าอุปสรรคจะเยอะเเค่ไหนแต่ก็ไม่มีอะไรจะขวางความพยายามในตัวเราเองได้ สุดท้ายความสำเร็จและความภาคภูมิใจก็อยู่แค่ปลายทางเท่านั้นเอง
ระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าเราทำได้หรือไม่ ดังนั้น เราไม่ต้องไปใส่ใจในสิ่งที่คนอื่น ๆ พูดกัน แค่เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่และทำไปทำไมแค่นั้นพอค่ะ ตัวเราเองจะรู้คำตอบดีว่า “เราทำมันได้หรือไม่” หวังว่าสิ่งที่เฟรนมาแชร์ในวันนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและจุดประกายความสำเร็จให้กับหลาย ๆ ท่านนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
ผศ.ดร.ศิริอักษร จักรบวรพันธุ์
———
#เพจก็แค่ปริญญาเอก ขอขอบคุณการแบ่งปันประสบการณ์อันมีค่าจาก ดร.เฟรน มาก ๆ นะคะ และขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งทางวิชาการของ ดร.เฟรน ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ
เรายินดีเปิดพื้นที่สำหรับการแบ่งปันประสบการณ์การเรียนปริญญาเอก เชิญชวน inbox มาหาเรา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อน ๆ คนอื่นกัน