ดร. ณัฐนันท์ พรหมสุข ::: คอลัมน์แขกรับเชิญ ::: คุยเรื่องเรียนด๊อกเตอร์กับด๊อกเตอร์

วันนี้ เพจก็แค่ปริญญาเอก มีความยินดีที่ได้มีโอกาสพูดคุยสนทนากับ ดร.นันท์ ณัฐนันท์ พรหมสุข ผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาเอก ด้วยอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น ไปทำความรู้จักและเรียนรู้ประสบการณ์การเรียนปริญญาเอกของเขาไปด้วยกัน

สวัสดีค่ะ ช่วยแนะนำตัวนิดนึงค่ะ

สวัสดีครับ ผม ณัฐนันท์ พรหมสุข หรือเรียกง่าย ๆ “นันท์” แต่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม “หนูนัน” ผมเรียนจบปริญญาตรีจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ต่อมามีโอกาสได้รับทุนจากทางรัฐบาลไทย เลยทำให้ได้เรียนต่อในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโทรคมนาคม (Telecommunications) ที่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) พอเรียบจบโท อาจารย์ที่ปรึกษาพร้อมกับพี่เลขาที่ภาคแนะนำทุนศึกษาต่อปริญญาเอกให้ผม ทำให้ผมได้มีโอกาสอีกครั้งที่จะได้เรียนต่อใน ระดับปริญญาเอก ในสาขาวิศวกรรมโทรคมนาคม ในสาขาเดิมอีกครั้ง

ปัจจุบันผมทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และ ภาควิชา Creative Digital Technology (หลักสูตรนานาชาติ) ครับ

ทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนปริญญาเอก

ถ้าถามผมว่า ทำไมถึงเรียนต่อปริญญาเอก ผมตอบได้เลยว่า การเรียนปริญญาโทของผม มันทำให้ผมรู้ว่าผมชอบที่จะทำงานวิจัย ค้นคว้าต่าง ๆ เลยทำให้ผมตัดสินใจหาทุนศึกษาต่อ แต่ก็เป็นโชคดีของผมที่อาจารย์ที่ปรึกษา และ พี่เลขาที่ภาควิชาแนะนำทุนให้ผมได้เรียนต่อเอก

ทำ thesis เรื่องเกี่ยวกับอะไร

ผมได้ทำวิจัยเกี่ยวกับ คลื่นแทรกสอดในสัญญาณอินเตอร์เน็ต โดยมีการเอา machine learning และ pattern recognition เข้ามาประยุกต์ใช้ในระบบการตัดคลื่นแทรกสอดออกไป ซึ่งผมได้ใช้ case study เป็นระบบ internet of things (IoT) ใช้เวลาในการเรียนปริญญาเอก ทั้งหมด 3 ปี เรียนจบเอกตอนอายุ 27 ปีครับ

ระหว่างที่เรียนทำกิจกรรมอะไรบ้าง

ในระหว่างเรียนผมชอบทำกิจกรรมมากครับ ทำหน้าที่เป็นประธานนักศึกษาของ AIT อยู่ 2 สมัยด้วยกัน โดยมีหลายคนมองว่า ระหว่างเรียนไม่ควรที่จะทำกิจกรรม เดียวเรียนไม่จบ เดียวจบช้า แต่ผมมองว่า การเรียนเอกอีกสิ่งที่ต้องมีพร้อมคือการบริหารจัดการเวลาไปด้วยกัน นอกจากนั้นคือการสร้าง connection ต่าง ๆ ผ่านทางกิจกรรมครับ

ระหว่างเรียนพบเจอปัญหาอะไรบ้างไหมคะ

ปัญหาหนักที่สุดในการเรียนปริญญาเอกของผมมีอยู่  2 ครั้งครับ

ครั้งแรก ช่วงเทอมที่ 1 ครับ ตอนนั้นเครียดมาก เพราะดันไปหยิบงานวิจัยงานหนึ่งที่เราไม่ได้สนใจที่จะทำ และไม่มีความสนใจจะค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งนั้น มันรู้สึกเลยว่าเราไม่อยากเรียนแล้ว เครียดปนท้อมาก ก ไก่ ล้านตัว อยากจะลาออกวันละหลาย ๆ รอบ ร้ายกว่านั้นคือ มันส่งผลให้ผมได้เกรด I ในวิชาค้นคว้าอิสระไปในเทอมแรก เกรด I เท่ากับ incomplete grade คือ ไม่สามารถที่จะส่งงานทันในกำหนดเวลา

ต่อมาผมเลยไปเปิดใจคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาตรง ๆ ว่า ผมไม่มีความสนใจในหัวข้อวิจัยนี้เลย ขอผมเปลี่ยนได้ไหมครับ เป็นความโชคดีของผมที่อาจารย์ที่ปรึกษาเข้าใจผม เลยอนุญาตให้ผมทำในหัวข้อที่ผมสนใจจริง ๆ โดยเหลือเวลาแค่ 1 เดือนต้องส่งรายงาน และ present ให้กับอาจารย์ที่เป็นคณะกรรมการทั้ง 3 ท่านให้ทันไม่งั้น จากเกรด I จะกลายเป็นเกรด F อัตโนมัติ

สุดท้ายผมก็เปลี่ยนหัวข้อวิจัยโดยเลือกที่เราสนใจจริง ๆ ผมเลยสามารถที่จะเปลี่ยนเกรด I เป็น เกรด A ได้ในที่สุด มากกว่านั้นผมเลยอยากจะฝากถึงคนที่สนใจเรียนเอก หรือ กำลังเรียนเอกว่า การที่เราทำวิจัยในหัวข้อที่เราสนใจจะทำให้เราสามารถที่จะ focus กับเรื่องนั้น ๆ แล้วมีแรงที่จะทำต่อเรื่อย ๆ เพราะ เราอยากรู้เกี่ยวกับมันลึกลงไปเรื่อย ๆ

ครั้งที่ 2 คือช่วงก่อนสอบจบปริญญาเอก ช่วงนั้นเหนื่อยมาก เพราะต้องทำอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นแก้งานตาม comment ของ External Examination จากประเทศอิตาลี, ต้องเตรียมการสอน, และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นตัวแทนนักศึกษาของ AIT เพื่อจัดงานกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักศึกษา ซึ่งงานเยอะมาก แต่มันก็สอนอะไรเราเยอะครับในเรื่องของการจัดการเวลาต่าง ๆ ต้องขอบคุณประสบการณ์เหล่านั้นจริง ๆ ครับ ที่สอนให้เราโตขึ้น และได้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าครับ

คิดว่าเพราะปัจจัยอะไรที่ทำให้คุณเรียนสำเร็จ

เอาจริง ๆ ผมว่า ปัจจัยที่ทำให้ผมเรียนสำเร็จมีอยู่หลัก 3 อย่างครับ

1. อาจารย์ที่ปรึกษา ปัจจัยท่านนี้สำคัญที่สุดครับ เพราะว่าคือคนที่จะอยู่กับเราตั้งแต่เราเริ่มเรียน จนถึงเราเรียนจบเลยครับ ผมพยายามบังคับตัวเองตลอดว่าจะต้องไปหาอาจารย์ให้ได้อย่างน้อย ๆ  1 ครั้งต่ออาทิตย์ เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเอง และพยายามที่จะทำงานให้เร็วที่สุดเมื่อได้รับ comment จากอาจารย์ที่ปรึกษา  แม้ว่าจะไม่มี deadline ก็ตาม ผมโชคดีด้วยครับได้อาจารย์ที่ปรึกษาที่ค่อยช่วยเหลือตลอดเวลา ไม่เคยเลยที่จะนิ่งเฉย แนะนำผมตลอด ๆ  ไม่มีความถือตัว ทำให้เราไม่เกรงแล้วเปิดใจพูดกับแกได้เสมอ ๆ เหมือนเราเป็นผู้ร่วมวิจัยของอาจารย์ท่านเลย

คำพูดหนึ่งที่ผมจำไว้ตลอดจากที่ปรึกษาผมคือ “งานของคุณ คุณอยากใส่อะไรใส่ได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจผมนะครับ ปรับแก้ได้เลย แค่บอกผมก็พอ” มันทำให้ผมรู้สึกว่า งานที่ผมจบมันเป็นงานที่ผมสนใจและภูมิใจกับมันจริง ๆ ครับ

2. การบริหารจัดการเวลา  เรื่องนี้สำคัญครับ เพราะ ปริญญาเอก ถ้าในความคิดผม ถ้าแค่เรียนอย่างเดียว ก็ยากแล้ว แต่มันก็ยังมีเรื่องนั้นนี้ มาให้ทำเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น การจัดการเวลาคือหัวใจสำคัญมากครับ ถ้าจะให้แนะนำอยากให้เราลองเอางานแต่ละงาน แล้วมาเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปน้อย พร้อมด้วย deadline ของงานแต่ละชิ้น มันจะทำให้เรามองภาพออกว่าเราควรจะทำอะไรก่อนหรือหลัง

3. กิจกรรมในสถาบัน การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในสถาบัน คือ สิ่งที่ฝึกผมให้ผมสามารถบริหารจัดการเวลาได้ และยังคลายเครียดเวลาผมเครียด ๆ ได้อีกด้วยครับ อย่าไปยึดติดว่า ถ้าเด็กกิจกรรม เรียนไม่จบแน่ ๆ หรือจบช้าแน่ ๆ ผมว่ามันไม่จริงหรอกครับ มันกลับช่วยให้เรามองเห็นอะไร ๆ ได้อีกมากมาย นอกจากแค่ตำรา อย่างเดียว

ปัจจุบัน ได้ใช้ทักษะ ความรู้จากการเรียนมาประยุกต์ใช้กับงานหรือไม่ อย่างไรบ้าง?

แน่นอนครับ ได้ใช้ทักษะต่าง ๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่เรียนมาตลอด ตรี โท เอก เพื่อทำการจัดทำการเรียนการสอนให้นักศึกษา และ ยังได้เอาการที่เรามีวินัยในตัวเองในระหว่างเรียนปริญญาเอก มาบังคับให้เราทำงานวิจัยต่าง ๆ เพื่อให้เรามีความรู้ที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ผมบอกทุก ๆ คนครับว่า การเรียนจบเอก มันเหมือนเพิ่งเริ่มต้น แต่หลังจากนั้นเราจะรักษาความรู้ และ พัฒนาความรู้ของเราให้คงอยู่ถาวรได้อย่างไร ข้อนี้ต่างหากครับที่ยากกว่า

ระหว่างเรียน ได้รับกำลังใจจากครอบครัวหรือคนใกล้ชิดอย่างไรบ้าง

กำลังใจในการเรียนที่พยายามผลักดันให้ผมสามารถเรียนจบได้ ผ่านปัญหาไปได้ในหลายๆครั้ง ก็เพราะพ่อและแม่เนี่ยเเหละครับ ที่คอยสนับสนุนผมตลอดเวลาเลยครับ ถึงสุดท้ายเราจะต้องเป็นคนที่จะมานั่งแก้ปัญหาเอง เเต่ แค่ได้ยินแค่คำพูดให้กำลังใจต่าง ๆ จากทางบ้าน มันเสมือนเป็นยาดีเลยครับ ทำให้ผมสู้ต่อไปได้

พ่อกับแม่ เค้าพูดเสมอว่า ลองถอยกลับมาหนึ่งก้าว เเล้วมองกลับเข้าไปดูปัญหาว่า ต้นตอจริง ๆ แล้วปัญหาคืออะไร แต่ถ้าไม่ไหว ให้กลับบ้าน มาตั้งหลักก่อน อาจจะไม่ได้เป็นคำพูดที่ดูซึ้งอะไรครับ เเต่มันทำให้เรารู้ว่า พ่อกับแม่อยู่ข้าง ๆ เราเสมอเลยครับ

สุดท้าย มีข้อคิดอะไรอยากฝากอะไรไว้ให้ผู้ที่กำลังเรียนปริญญาเอกอยูบ้างคะ

อย่าให้ใครดูถูกความสามารถของเรา เพราะความรู้ มันเริ่มจากการเชื่อมั่นในตัวของเราเองเป็นอย่างแรก

ก่อนผมจะเรียนเอก ผมไม่ใช่คนที่เก่งอะไรเลยครับ ตอนเรียน ป.ตรี ผมเคยได้เกรดเฉลี่ย (CGPA) 1.7 หรือเกรด D ก็เคยได้ แต่สุดท้าย ผมมานั่งคุยกับตัวเองว่า เราจะมายอมแพ้ตรงนี้ไม่ได้นะ ผมก็ลองสู้กับมันดูครับ ตอนนั้นผมเชื่อมั่นในตัวเองมากว่าผมจะสามารถเรียนจบ ป.ตรี ได้ จำได้ว่าสู้สุดใจครับ

หลังจากนั้นผมก็เชื่อมั่นในตัวเองมาตลอด ตรี โท และ เอก จบผมสามารถที่จะเรียนจบปริญญาเอกตอนอายุ 27 ปี โดยใช้เวลาเรียนเอกทั้งหมด 3 ปี ผมถึงอยากฝากไว้ครับว่า อย่าไปท้อแท้หรือโกรธใครเลย ถ้าจะมีใครมาดูถูกคุณ หรือ บอกว่าคุณไม่เก่ง หรือ บอกว่าคุณไม่เหมาะสำหรับการเรียนต่อ แต่สิ่งสำคัญคุณห้ามที่จะดูถูกตัวเอง และคุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง สุดท้ายคุณก็จะรู้ว่าคุณทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดเยอะ

………….

พจก็แค่ปริญญาเอก ขอขอบคุณแรงบันดาลใจและข้อคิดที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับการเรียนปริญญาเอกจาก ดร.นันท์ ณัฐนันท์ พรหมสุข มากนะคะ

เพจก็แค่ปริญญาเอก ยินดีเปิดพื้นที่สำหรับการแบ่งปันประสบการณ์การเรียนปริญญาเอก เชิญชวน inbox มาหาเรา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อน ๆ คนอื่นกันค่ะ

เพจก็แค่ปริญญาเอก เปิดพื้นที่เฉพาะกลุ่มเพื่อติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันใน Facebook Group https://www.facebook.com/groups/221771661962749
มา Join กัน!

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s