สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ และน้องแฟนเพจ “ก็แค่ปริญญาเอก”^^
ชื่อ อัลฮูดา ชนิดพัฒนา เรียกว่า “มิ้นท์” เฉยๆ ก็ได้ค่ะ มิ้นท์เรียนจบปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้น ก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ สาขา International Relations and Development Studies จาก University of East Anglia (UEA) จากนั้น มิ้นท์ก็กลับประเทศไทยและทํางานได้ประมาณ 2 ปี ก็เรียนต่อปริญญาเอกทางด้านนิเทศศาสตร์และนวัตกรมมการจัดการ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ปัจจุบัน มิ้นท์เป็นอาจารย์คณะนิเทศศาตร์มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เเละรองผู้อํานวยการศูนย์การสื่อสารการตลาดระหว่างประเทศ (IMCC) ค่ะ
ตั้งแต่ตอนเด็ก มิ้นท์เป็นคนชอบอ่านหนังสือ จดบันทึก และชอบไปโรงเรียนมากๆ ค่ะ เรียกว่า ถ้าไม่ป่วยจริงๆ จะไม่หยุดโรงเรียนเลย ฮ่าๆๆๆๆ จริงๆ เพราะอยากไปเจอเพื่อนๆ ไปเล่น ไปคุยกับเพื่อน (และอาจจะอยากเรียนบางวิชาด้วยนิดนึง อิอิ) มิ้นท์มีความรู้สึกผูกพันกับโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยอยู่ตลอด ด้วยไลฟ์สไตล์ต่างๆ เลยคิดว่า อยากจะเป็นอาจารย์ในอนาคต และตอนนั้น หลังจากเรียนจบปริญญาโทกลับมาแล้ว มิ้นท์มีโอกาสทํางานเป็นนักวิเคราะห์นโยบายอยู่พักหนึ่ง โดยในสถาบันฯ จะมีพี่ๆเก่งๆ ที่เรียนจบปริญญาเอกกันมา ทั้งชื่นชอบและชื่นชมแต่ละท่าน เลยคิดว่าการเรียนปริญญาเอกจะมีประโยชน์กับตัวเองมากๆ เลยตัดสินใจเรียนค่ะ
หัวข้อ Dissertation ของมิ้นท์คือ “International Marketing Communication: A Case Study of Thai Spa Products and Services in the United Arab Emirates” ค่ะ ตอนเเรกที่เลือกเรียนนิเทศฯ เพราะสนใจการสื่อสารทางการเมือง แต่พอเรียนๆ ไปแล้วรู้สึกว่าอยากทําธุรกิจระหว่างประเทศและชอบเรื่องการตลาดขึ้นมา
ตอนนั้น ที่บ้านมิ้นท์มีกิจการส่งคนงานไทยไปทํางานใประเทศแถบตะวันออกกลาง เช่นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลิเบีย การ์ต้า และประเทศแถบๆ อาหรับอยู่เเล้ว ซึ่งก็มีชาวอาหรับที่เข้ามาติดต่อธุรกิจกับที่บ้านได้สั่งผลิตภัณฑ์สปาของไทยไปประเทศแถบนั้น มิ้นท์เลยมีไอเดียว่า อยากจะเจาะลึกเรื่องสปาไทยทั้งภาคผลิตภัณฑ์ และบริการในประเทศแถบอาหรับ เพราะประเทศแถบนี้มีกําลังซื้อสูง แต่ข้อจํากัดคือประเทศไทยยังมีวิจัยหรือองค์ความรู้เรื่องการตลาดในประเทศแถบนี้จํากัดมากๆ มิ้นท์เลยตัดสินใจเลือกไปทําการวิจัยการตลาดของสปาไทยในดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งคิดว่า จะเป็นประโยชน์ทั้งทางธุรกิจ และวิชาการไปพร้อมๆ กันค่ะ
มิ้นท์ใช้เวลาเรียนปริญญาเอก ประมาณ 4 ปีกว่าค่ะ ระหว่างที่เรียนที่นิด้ามิ้นท์ได้รับโอกาสดีๆ มากมาย ทั้งการได้ไปเก็บข้อมูลวิจัยเพื่อทํา Dissertation ที่ทําให้มิ้นท์มีโอกาสได้อยู่ที่ดูไบช่วงหนึ่ง และหลังจากกลับมาที่ไทยช่วงทําวิจัยใกล้เสร็จ ทางนิด้าก็มีทุนให้ไปเป็น Visiting Scholar มิ้นท์เลยมีโอกาสได้ไปศึกษาที่มหาวิยาลัยที่ Indiana University ที่สหรัฐอเมริกา มิ้นท์เรียนที่ Kelley School of Businessเลยได้เรียนเรื่องการตลาดเพิ่มเติมกับนักศึกษาปริญญาเอกที่คณะนี้ ซึ่งมิ้นท์ก็มีโอกาสได้เรียนรู้จากคนเก่งที่นี่เยอะมากๆ
หลังจากได้มีประสบการณ์ไปหลายๆ ที่ มิ้นท์ก็กลับมาไทย ทําวิจัยเสร็จเรียบร้อยเเละสอบปกป้องดุษฎีนิพนธ์ ก็เป็นอันว่ามิ้นท์ได้เรียนจบปริญญาเอกอย่างสมบูรณ์ ช่วงเวลานี้ถือว่า เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตมิ้นท์เลยก็ว่าได้ แม้ว่าจะมีเรื่องดราม่าของการทําวิจัยของมิ้นท์ที่ดูไบมากมายก็ตาม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
สิ่งที่มิ้นท์คิดว่าหนักที่สุดตอนเรียนคือ ตอนไปเก็บข้อมูลที่ดูไบค่ะ ถึงแม้ว่าคุณแม่มิ้นท์จะมีลูกค้าชาวอาหรับที่รู้จัก แต่ลูกค้าคุณแม่อยู่ที่เมืองอบูดาบี แต่มิ้นท์เลือกเก็บข้อมูลที่ดูไบ มิ้นท์เลยต้องใช้ชีวิตอยู่ในดูไบคนเดียว แบบที่ไม่รู้จักใครเลยทั้งเมือง และแผนที่วางไว้บางทีมันไม่เหมือนกับที่เราศึกษามา ทําให้บางวันรู้สึกท้อใจมากๆ โดยเฉพาะตอนที่ต้องไปเก็บแบบสอบถามชาวอาหรับเป็นร้อยชุด ช่วงแรกๆ ก็มีคนตอบเยอะค่ะ หลังๆ ก็ไม่ค่อยมี ในบางวันมิ้นท์ก็นั่งร้องไห้บนรถบัสตอนกลับโรงแรม (บางทีก็เปิดเพลงเศร้าแบบให้มันยิ่งเศร้าเข้าไปอีกด้วยค่ะ) เวลาก็บีบเข้ามาเพราะเราก็ต้องกลับไทย เป็นช่วงเวลาที่มิ้นท์ต้องตั้งสติมากๆ
วิธีการแก้ไขของมิ้นท์คือ ถ้ามิ้นท์เครียดหรือท้อแท้ มิ้นท์ต้องไปทําใจให้สบายก่อน วิธีการที่มิ้นท์ทําคือการเขียนบันทึกการเดินทาง ความเจ็บปวด การท่องเที่ยวของมิ้นท์ลงไปเป็นตัวหนังสือ ซึ่งการบันทึกการเดินทางในครั้งนั้นก็ได้กลายมาเป็นหนังสือท่องเที่ยวชื่อ “ดูอะไร…ที่ดูไบ” ในภายหลัง…..ช่างเป็นการระบายอารมณ์ที่มีประโยชน์เสียจริงๆ หุหุ
ถ้ามิ้นท์ย้อนเวลากลับไปบอกกับตัวเองตอนเศร้าๆ ได้ มิ้นท์ก็จะไม่บอกอะไรกับตัวเองทั้งนั้นค่ะ จะปล่อยให้ตัวเองทนทุกข์ไปแบบนั้นแหล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ (ซาดิสม์นิดหน่อย) เพราะมิ้นท์คิดว่า ทุกช่วงชีวิต ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ มันดี มันคือการเรียนรู้…เพราะฉะนั้น มิ้นท์จะไม่ไปสปอยตัวเองในอดีตว่า “ความเจ็บปวดจากการเรียนคือความเจ็บปวดชั่วคราว แต่การเรียนไม่จบนั้นจะเป็นความเจ็บปวดตลอดไป….”
การเรียนปริญญาเอก มันจะต้องมีเรื่องให้เราฝ่าฟันมากมายราวกับนักรบสปาร์ตันอยู่เเล้วค่ะ!!! เคยมีพี่คนหนึ่งเค้าเป็นคนเก่งมากๆ เค้าเคยบอกกับมิ้นท์ว่า คนเรียนปริญญาเอกบางที เราอาจจะไม่ได้เก่งมากมาย หรือวิเศษเหนือใคร แต่สิ่งที่เรามีคือความอดทน ความมุมานะ และการควบคุมตนเองให้ทําเพื่อเป้าหมายของเราให้ได้ ซึ่งมิ้นท์ก็คิดว่า นี่เเหล่ะคือเรื่องจริงเลย หลังจากได้มาเรียนด้วยตัวเอง
สําหรับมิ้นท์ มิ้นท์ต้องขอบอกเลยค่ะว่า การเรียนปริญญาเอก และดูไบ เปลี่ยนชีวิตมิ้นท์มาก และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเลย ตอนที่ไปเก็บข้อมูลดูไบก็มีความคิดว่า อยากจะไปอยู่ดูไบเพราะชอบดูไบที่มีไอเดียอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ
วันที่สอบปกป้องดุษฎีนิพนธ์ก็มีคณะกรรมการในวันนั้น เเนะนําให้มิ้นท์ไปเปิดบูธกับโครงการหนึ่งที่จะจัดขึ้นในดูไบ และประเทศโอมาน มิ้นท์ก็ตัดสินใจไป พอได้ไปดูไบอีกครั้งปุ๊บ ก็มีพี่ท่านหนึ่งเป็นคนไทยที่เป็นนักธุรกิจที่เก่งมากๆ มีบริษัทอยู่ที่นั่น ก็เลยชวนมิ้นท์ทํางานที่ดูไบในเรื่องการตลาด มิ้นท์ก็เลยมีโอกาสได้อยู่ดูไบจริงๆ
ในส่วนของเรื่องงานอดิเรกระหว่างอยู่ดูไบ มิ้นท์ก็เปิดเพจเฟสบุคชื่อ “ดูอะไร…ที่ดูไบ” ซึ่งเเนะนําเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดูไบ (จริงๆ ทํามาตั้งเเต่ไปวิจัยเเล้ว แต่เพิ่งมาทําอย่างจริงจังคือตอนไปทํางานที่นั่น) และสิ่งที่มิ้นท์พบเจอในชีวิตประจําวันของมิ้นท์ พร้อมกับค่อยๆ ปรับเนื้อหาในหนังสือท่องเที่ยว “ดูอะไร…ที่ดูไบ” ไปด้วย พอทําเพจไปสักพักก็มีคนเริ่มรู้จักเเละติดต่อให้เป็นวิทยากรทั้งเรื่องธุรกิจ ท่องเที่ยว หรือแม้เเต่สร้างแรงบันดาลใน ที่เกี่ยวข้องกับดูไบ
”ก็เพราะการเรียนปริญญาเอกนี่แหล่ะ ===> ทําให้มิ้นท์ได้รู้จักดูไบ ===> การรู้จักดูไบ===> ทําให้มิ้นท์เป็นนักการตลาด ===> ทําให้มิ้นท์เป็น Blogger ===> ทําให้มิ้นท์มาเป็นนักเขียน ===> และแม้เเต่กระทั่งการมาเป็นอาจารย์ในปัจจุบัน ก็มีจุดเริ่มจุดเดียวกันจากการเรียนปริญญาเอก และการวิจัยในดูไบ เช่นกัน”
สุดท้ายนี้ มิ้นท์ก็อยากจะให้กําลังใจเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่กําลังเรียนปริญญาเอกนะคะ อย่างที่มิ้นท์บอกมิ้นท์ไม่ชอบย้อนอดีตไปสอยตัวเอง แต่ถ้าอ่านบทสัมภาษณ์นี้จนจบ เพื่อนๆ ก็ได้สปอยตัวเองไปเรียบร้อยเเล้วค่ะว่า “ความเจ็บปวดจากการเรียนคือความเจ็บปวดชั่วคราว แต่การเรียนไม่จบนั้นจะเป็นความเจ็บปวดตลอดไป….” แล้วเราจะได้ภูมิใจ เเละหัวเราะใส่ ความเจ็บปวดในวันนี้…กิกิ 😛
อัลฮูดา ชนิดพัฒนา
ติดต่อพูดคุยกับมิ้นท์
Facebook: http://www.facebook.com/whattoseeindubai
Instagram: @whattoseeindubai
Email: whattoseeindubai@gmail.com