แนะนำตัวนิดนึงค่ะ
ชื่อพรชนกเรืองวีรยุทธชื่อเล่นไทยหนูอ้อนชื่อเล่นอังกฤษ Porsche (พอร์ช) มาจากชื่อจริง Pornchanok เลยเอาชื่อเล่นสั้นๆเวลานักเรียนถามจะได้เรียกง่ายๆเป็น Stats Lab GA หมายถึง Graduate Associate ที่ทำทั้ง TA or Teaching Assistant คือสอนด้วยและทำหน้าที่ RA or Research Assistant ด้วยอาจารย์กลัวว่าง
เรียนจบปริญญาตรี รัฐศาสตร์ (การปกครอง) ม.เกษตรศาสตร์ ปริญญาโท นิเทศศาสตร์ (วาทวิทยา) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Communication Studies (Health Communication), Ohio University, USA
ส่วนปริญญาเอก PhD in Educational Research and Evaluation, Ohio University, USA 4 ใบไม่เหมือนกันเลยค่ะ เป็นความกล้าที่บ้าบิ่นมาก จากเด็กรัฐศาสตร์มาจบเอกสถิติ ปัจจุบัน เป็น Research Analyst (Title III HSI STEM Grant) at the University of La Verne, CA, USA
ทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนปริญญาเอก
ก่อนมาเรียนปริญญาเอก เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ค่ะ ควบคู่กับเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนด้านนิเทศศาสตร์ ก็ทำมาหลายช่องเริ่มต้นจากช่อง T-Channel จากนั้นได้มาทำ รายการด้วยลำแข้ง ทางช่อง 7 กับคุณคำรณ หว่างหวังศรี และ Entertainment Update ของ Acts channel เป็นช่อง cable ของ Exact
ก่อนได้งานอาจารย์มหาลัย เคยสอนพัฒนาบุคลิกภาพที่ John Robert Powers ด้วยแป๊บนึง ได้งานนี้เพราะ thesis ตรงมาก เกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพเด็ก งานสายนี้ทั้งนั้น
แต่จุดนึงก็คิดว่า career path มันก็เท่านี้แหละ เลยกลับมาพิจารณาจุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเอง เราเก่งด้าน academic นะ ทำไรดี เรียนโทก็แล้ว เคยไปเรียนภาษาอังกฤษที่แคนาดามาก็แล้ว ไปต่อเอกที่อเมริกาละกัน ชอบหนัง Hollywood และ การ์ตูน Disney มาก นี่เหตุผลทางด้าน entertain
จุดเปลี่ยนคือวันนึงไปร่วมงานแถลงข่าวละครของ Exact ในฐานะพิธีกรพอเค้าแบ่งให้สัมภาษณ์ พวกดารามีพิธีกรมาสัมภาษณ์ แต่พิธีกรมีหน้าที่สัมภาษณ์คนอื่น ไม่มีใครมาสัมภาษณ์เรา เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เออ เราสัมภาษณ์คนอื่นมาตลอดชีวิต รู้สึกอยากถูกสัมภาษณ์ อยู่อีกปลายนึงของไมโครโฟน ในฐานะ content expert บ้าง และนี่คือเหตุผลด้าน academic อยากเป็น content expert แฟนก็ไม่มี ไม่มีห่วงอะไร มีแต่หมาน้อย ก็ไม่เป็นไร Line คุยกันได้ ทุกเหตุผลบอกว่า PhD student in America เป็นสถานีต่อไป จัดไปค่ะ
ทำthesisเรื่องอะไร
Dissertation เรื่อง A Monte Carlo Study of Parallel Analysis with Binary Variables in Test Data นี่ชื่อย่อค่ะ ของจริง 3 บรรทัด ต้องจัด template หน้า cover ใหม่เลย ขอ delay ในการลง online 2 ปี เพราะกำลังทำอีก paper นึงร่วมกับ advisor เป็น extension ของ dissertation ค่ะ คุยกับ advisor ไว้ว่ายังไม่อยากเปิดเผยหมดก่อนที่จะตีพิมพ์ค่ะ
ขอบอกชื่อ Thesis ที่นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เรื่อง “การพัฒนาบุคลิกภาพการสื่อสารเชิงวัจนะและอวัจนะของเด็กไทยอายุ 16 – 18 ปี” เป็นคนที่ Master’s thesis and PhD’s dissertation คนละทางเลย แต่การทำงานเราเอามารวมกันได้ นี่แหละ ความ unique ของเรา (หัวเราะ)
เฉพาะ PhD อย่างเดียวใช้เวลา 4 ปีครึ่งค่ะ จากจุดเริ่มต้นทั้งหมดจนถึงรับปริญญา คือ 7 ปี summer แรกไปเรียนภาษาอังกฤษก่อน TOEFL คะแนนเกิน ไม่ได้ required แต่เราอยากไปเที่ยวก่อน จากใจ ขอเที่ยวก่อนเพราะรู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตจะโหดร้ายแล้วนะ
สรุปแล้วไปเรียนทั้งโทและเอก 7 ปี
เรางกค่ะเราเลยลงเรียนวิชาอื่นๆไปเรื่อยๆ 2 ปีแรกเป็นปริญญาโทใบที่ 2 หลังจากนั้น coursework ของ PhD คือ 4 ปี จริง ๆ แล้ว พอสอบผ่าน comps ตอนปี 3 แล้วก็ไม่ได้ require ว่าจะต้องลงวิชาอะไร แต่เราเป็น GA ทำงานในคณะ 20 ชั่วโมง ก็แล้วแต่จะตกลงกับอาจารย์ เราเป็น GA ใน Stats Lab ยืนพื้น เทอมที่สอนปริญญาโท เวลาใน Lab ก็น้อยหน่อย เราได้ tuition waiver and stipend เรางกค่ะ เราเลยลงเรียนวิชาอื่นๆ ไปเรื่อย และดีใจที่ลง เพราะได้เรียนโปรแกรมใหม่ในเทอมสุดท้าย แล้วได้เอามาใช้งานเยอะมาก
และจากการที่เรียนฟรี เราลง Teaching English to Speakers of Other Languages (TESOL) เป็น Minor กลายเป็นเรียนเอกแต่ มี minor ด้วยนะ และระหว่างทางได้ certificate ด้านสอนภาษาอังกฤษมาอีกใบ ทั้งหมดสายสอนภาษาอังกฤษนี่ลงเพิ่ม 19 หน่วยกิต กะเอาคุ้ม
พอจบปี 4 ปุ๊บ GAship หมด เลยสมัครงาน ทำงาน full time กลางคืนทำ dissertation มา finalize dissertation ตอนทำงานเทอมนึง แล้วเทอมสุดท้ายแค่รอรับปริญญา ไม่ต้องลงทะเบียน ประหยัดไปเป็นพันเหรียญเลยนะ ทั้งหมดนี่ 7 ปีพอดี ในที่สุด เพิ่งรับปริญญาไปเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมาค่ะ ดีใจมาก ภูมิใจที่ได้เป็นด๊อกเตอร์ในทางของเราเองที่บ้านคุณพ่อและน้องชายเป็นหมอคุณแม่เป็นพยาบาลเราเป็น outlier ของบ้านค่ะ (หัวเราะ)
ระหว่างเรียนพบเจอปัญหาอะไรที่คิดว่าหนักที่สุด
ปัญหาระดับโลก คือ เวลาหิวกับง่วงพร้อม ๆ กัน คือ ถ้าจะกินข้างนอกตลอด นอกจากจะล้มละลายแล้วคงอ้วนด้วย เลยทำเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าง่วงมันจะไม่มีแรงทำ จะนอนท้องว่าง ๆ ร้อง ๆ มันก็นอนไม่ได้ ถ้าจะลุกมากินมาม่า แล้วไปนอนซะ ตื่นมาจะหน้าบวมมาก ก็จะรับตัวเองไม่ได้
เงินจากการเป็น GA มันจะพอดีเป๊ะเลย จะฟุ่มเฟือยไม่ได้ ถ้ากิน เที่ยว ช้อปเยอะไป เทอมหน้าจะไม่มีเงินลงทะเบียน
ช่วงหน้าหนาว หิมะตก ขับรถไปซื้อของมาทำกับข้าวจะยากมากถึงเป็นไปไม่ได้ ในสมองแต่ละวัน คิดอยู่ 2 อย่างตอนนั่ง shuttle bus กลับ apartment เย็นนี้จะกินอะไร คืนนี้ต้องทำการบ้านอะไร ชีวิตเราจะวน ๆ อยู่กะ เขียน code เตรียมสอน run stats เขียน paper เตรียม present conference วนลูปประมาณนี้
จุดที่หนักเกือบที่สุด คือ เทอมท้าย ๆ ต้องคำนวณดี ๆ เงินจะพอค่าเทอมต่อไปมั้ย ต้องลิมิตงบประมาณการกิน เหลือเดือนละ $150 ซึ่งคือวันละ $5 ไม่งั้นเรียนไม่จบแน่ ก็ถือว่าลดน้ำหนักก็แล้วกัน ได้หุ่นดีแถมมาด้วย คิดงี้จะได้ไม่เสียใจมาก แต่ครบ 5 หมู่นะ คำนวณตลอด Whey Protein ไข่ต้ม ต้มกะหล่ำ ผลไม้เป็นหลัก กิจกรรมไหนมีกินฟรีเราไปหมด งานคณะถ้า pizza เหลือ อาจารย์จะเตรียมไว้ให้เอากลับทั้งถาด ยังไงมันก็เหลือเยอะอยู่แล้ว พวกอาจารย์จะเข้าใจว่า grad students เท่ากับ poor พวกยูอดทนไว้นะ พอจบแล้ว จัดเต็ม
จุดที่หนักที่สุด คือ คำนวณจำนวนเทอม GAship ผิด คิดว่ายังไงก็มีจ่ายยันจบ วันนั้น advisor รีบมาบอก พวกเราคำนวณกันผิดนะ program coordinator เพิ่งบอกมาว่า มหาลัยบอกมาอีกทีว่ามันนับตั้งแต่ตอนเรียนโทนะ ไม่ใช่ตั้งแต่เอก ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมา – – – – – ละ (คำนี้ไม่สามารถออกอากาศได้) แบบแทบล้มทั้งยืน แม่เจ้า คิดคำนวณอย่างรวดเร็วแล้ว เงินที่มีตอนนั้นไม่ถึงจนจบแน่ เอาไงดีวะ advisor บอกสมัครงานด่วนเลย ถ้าได้งาน แล้วไปเลย รีบออกจากเมือง แล้วเราอีเมล ไลน์คุยกันเรื่อง dissertation ได้ เพราะผ่าน proposal defense แล้ว coursework ก็ไม่ต้องลงแล้ว เหลือ finalize dissertation อย่างเดียว แล้วค่อยบินกลับมา defend dissertation
ระหว่างนั้น ก็โฆษณาค่า ใครอยากให้ช่วย run statistics ของ dissertation หรือ thesis รับจ้างทั่วราชอาณาจักรจ้า แล้วก็บอกกะพวกอาจารย์ว่านอกเหนือจากนั้น เรายังเป็น tennis partner ได้ สอนเปียโนได้ ขุดทุก skill ที่มีออกมา นึกในใจ ชีวิตเรา มันต้องขนาดนี้เลยเหรอวะ แต่ก็ได้งานจากการสัมภาษณ์งานครั้งแรก amazing Thailand มาก รีบเก็บข้าวเก็บของไปทำงานเลย
มีวิธีคลายเครียดอย่างไร
เคยได้รับเชิญไปพูดใน panel กะพวกอาจารย์ให้รุ่นน้องฟัง ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่และเป็น Stats Lab Captain คำถามนึง คือ How do you have fun? ตอบว่า เล่นเทนนิสค่ะ เพราะในชีวิตจริงเราหวดใครหรือหวดอะไรไม่ได้ เอาเพลิงรักแรงแค้นที่มีไปหวดลูกเทนนิส work มากค่ะ
และอีกอย่างคือ ดูซีรีส์เกาหลีค่ะ น่าจะดูหมดปฐพีละ เปิดไปเรื่อย ๆ ทำ dissertation ไปเรื่อย ๆ ดูหนังฝรั่งที่ชอบๆ ค่ะ เวลาทีวีเอา Harry Potter Marathon มาฉาย เราก็ดูตั้งแต่ภาคแรกคืนวันศุกร์ยันคืนวันอาทิตย์จนจบเลย แฟนพันธุ์แท้มาก ๆ ชอบ Titanic บางทีมันเอามาฉาย 2 รอบติด รอบละ 4 ชั่วโมงครึ่ง เราก็เขียน code ไปเรื่อย ๆ เรือล่มไป 2 รอบแล้ว code ยังไม่เสร็จ 9 ชั่วโมงผ่านไป นอนก่อนละกัน พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ Sometimes you need to roll with the punches, and tomorrow is another day.
เวลารู้สึกแย่ ๆ ปิดคอม แล้วนั่งร้องไห้ค่ะ ช่วยได้มาก ร้องให้มันสาแก่ใจ ปาดน้ำตา แล้วดูซีรีส์เกาหลีซัก 2 ตอน ขอดูหน้าหล่อ ๆ ของอุปป้าหน่อย ลุกไปต้มรามยอนเลย เพื่อความอินและสะใจแก่ชีวิต หน้าจะบวมไม่เป็นไร ถือเป็นรางวัลชีวิต แล้วกลับมาเขียน code ต่อ อย่ายอมแพ้ สู้ ๆ สู้ตาย คุณแม่เคยบอกว่าถ้าตายในหน้าที่ ระหว่างเรียน จะทำโล่กล้าหาญให้
ผ่านช่วงเวลาที่ยากของปริญญาเอกมาได้อย่างไร
เรายึดหลัก The Secret – Law of Attraction ค่ะ นึกถึงภาพเป้าหมายเข้าไว้ เพื่อความชัด เราโหลด California map มาเป็น desktop คือ อยากมาทำงานใน California มากกกก ดู The Heirs หลายรอบมาก พระเอกมาเรียนที่ California นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุ่มเทและแลกมา เงิน เวลา และเวลาของชีวิต งานก็ยังไม่ได้แต่ง อะไรที่คุ้มค่าแก่การแลกช่วงวัยเจริญพันธุ์ของเราได้ มันควรจะเป็นคุณค่าที่คุณคู่ควรเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ PhD ค่ะ
อยากเป็น 2% ของคนบนโลกใบนี้ที่มี PhD เราไม่ใช่แค่มีความรู้ ที่เรียนจากของคนอื่นมา แต่เราสร้างความรู้ และ present ความรู้ของเราเอง และแล้วในที่สุด ก็ได้อยู่อีกปลายนึงของไมโครโฟนละ เวลาไป present ที่ conferences ภูมิใจในตัวเองมาก
เพราะปัจจัยอะไรที่ทำให้คุณเรียนสำเร็จ
ความพยายาม ขยัน และอดทน เป็นหนทางสู่ความสำเร็จ ระเบียบวินัยเป็นสิ่งที่สำคัญสูงยิ่ง ความมุ่งมั่น ไม่เคยคิดว่าจะไม่จบค่ะ เราเริ่มมาแล้ว ลงทุนมาขนาดนี้ ยังไงมันก็ต้องจบค่ะ และในชั้นปีของเรา เราไม่มี cohort ค่ะ มีเราคนเดียว เรียนแบบข้ามาคนเดียวเลยได้รับความสนใจจากคณาจารย์เต็มที่ อยากสอนอะไรก็ได้สอนหมด เลยจัดเต็มค่ะ มีประมาณช่วงนึงที่เป็น GA คนเดียวทั้ง Stats Lab เลยได้เรียนรู้ในการทำอะไรหลายอย่างและตั้งแต่ต้นจนจบ ถือว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสียค่ะ โดยเฉพาะสนิทกับ advisor มาก ทุกวันนี้ ยังคุยกัน ทำ paper ด้วยกันเรื่อย ๆ ค่ะ
ปัจจุบัน ได้ใช้ทักษะ ความรู้จากการเรียนมาประยุกต์ใช้กับงานหรือไม่ อย่างไร
ได้ใช้เต็ม ๆ ตรง ๆ ค่ะ ถึงแม้ว่า dissertation จะยากกว่ามาก และเอาสายนิเทศที่เรียนมามาประยุกต์ใช้ด้วย เลยเป็น statistician สายเฮฮาค่ะ เป็นคนที่มุกเยอะ แพรวพราว เวลาสอน present เล่นมุกคนจะขำตลอด ถือเป็นความ unique ของเราเองมาก ค้นพบตัวเองว่าเก่ง 2 อย่างที่คนส่วนใหญ่จะกลัวมาก คือ สถิติกับการพูดในที่ชุมชน และโดยปรกติแล้ว 2 skills นี้ มักไม่อยู่ในคนคนเดียวกัน เลยเป็นจุดขายของเราค่ะ อาจารย์บอกว่า ที่เคยเป็นพิธีกร 5 ปีไม่ต้องเอาออกจาก CV หรอก เท่ดี statistician ที่เคยเป็นพิธีกรทีวีมาก่อนนี่ไม่น่ามีเยอะ (หัวเราะ)
และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้งาน คิดว่ามาจากการสมัครเข้าแข่งขัน 3-minute thesisที่มหาวิทยาลัยค่ะ supervisor ซึ่งเป็น search committee chair บอกว่า เค้าสัมภาษณ์กันหลายคนนะ แต่กลับมาดูคลิปของยูบ่อยมาก มันทำให้เค้าได้เห็น personality เห็นว่า เราไม่ได้ present น่าเบื่อ ๆ engage คนฟังได้ และในฐานะที่เป็นผู้หญิงเอเชีย เค้าคิดว่าเราจะแบบเงียบๆ เรียบร้อยๆ แต่ยูไม่ใช่ บุคลิกยูมัน outstanding มาก สรุปคือ คิดถูกมากที่ตั้งใจแข่งงานนี้มากๆ รู้ว่าถ้าได้ซักรางวัล มหาลัยจะอัดคลิปลง YouTube นี่คือคิด strategy มาอย่างดีว่า ต้องเอาให้ได้ซักรางวัล แล้วเอาคลิปไปเป็นส่วนนึงใน materials ในการสมัครงาน เพื่อลบจุดอ่อนของเราว่าเราเป็นต่างชาติ ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแรก
สุดท้าย มีข้อคิดอะไรอยากฝากอะไรไว้ให้ผู้ที่กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่บ้างThings happen for a reason. ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผลของมันDon’t be positive until you have things taken care of. อย่าคิดบวกจนกว่าจะจัดการกะทุกอย่างเป็นอย่างดีแล้วสองคำ ที่ใช้ได้ในหลาย ๆ สถานการณ์ ช่างแม่ง เอาวะ ของบางอย่างก็ต้องช่างแม่งไปซะ และเวลาเจออะไรยาก ๆ ก็บอกกับตัวเอง เอาวะ สู้กะมันซักตั้ง Quitters never win. Winners never quit.
บอกกับตัวเองเสมอ เราก็หนึ่งในตองอู ขอบอกคนที่เรียนเอกในต่างประเทศ พอภาษาไม่เป็นอุปสรรคแล้ว เด็กไทยเราเก่งกว่าฝรั่งทั่วไป คือฝรั่งเก่ง ๆ ก็มี แต่อย่าไปกลัวฝรั่ง เราเจ๋งกว่าเยอะ เราเป็นเจ๊คุม Stats Lab มาแล้วค่ะ (หัวเราะ)รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง นี่จริงมาก ๆ หาตัวเองให้เจอ รู้จักประเมินสถานการณ์ว่า เราต้องไปเจอกับอะไรบ้าง แล้วลุยสู้ตาย สู้ยิบตา หม้อข้าวเราได้ทุบทิ้งไปแล้ว เราจะแพ้ศึกครั้งนี้ไม่ได้ ต้องได้ไปกินข้าวที่เมืองข้าศึกเป็นแน่แท้สุดท้ายนี้ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจค่ะ แสงที่ปลายอุโมงค์มันมีอยู่จริง เราได้เห็นมาแล้ว เราได้เลือกเดินทางเข้าอุโมงค์นี้มาแล้ว ต้องเดินต่อไปให้มันสุดทาง ทุกอย่างจะยากขึ้นเรื่อย ๆ จะไม่มีอะไรง่ายลง แต่เราจะเก่งและแกร่งขึ้น และจะชินไปเอง
#เพจก็แค่ปริญญาเอก ขอขอบคุณการแบ่งปันประสบการณ์จาก ดร.พรชนก เรืองวีรยุทธ เป็นอย่างมากค่ะ
คลิกฟัง 3-minute thesis YouTube clip ของ ดร.พรชนก ตามลิ้งค์นี้ค่ะ https://youtu.be/-u66l0oPKt8