แนะนำตัวนิดนึง
สวัสดีครับ ผมเจี๊ยบ หรือ ดร.พงศ์ศิริ คำขันแก้ว ครับ ตอนนี้ทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและวิจัย และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ โรงเรียนนานาชาติอังกฤษแห่งภาคเหนือ จ.ลำปาง และโรงเรียนนานาชาติอังกฤษแห่งกระบี่ จ.กระบี่ ครับ
สำเร็จการศึกษา ศิลปศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) สาขาภาษาเยอรมัน และปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยพายัพ ปริญญาเอก บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ ครับทราบว่าเพิ่งเรียนจบ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ วันที่เรียนจบ รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
วันที่รู้ว่าตัวเองจบ คือ เอาจริง ๆ “งง” มากครับ ตอนที่คณะกรรมการบอกผมว่ายินดีด้วย ดร.พงศ์ศิริ .. คือผมยืนแบบ งง มากครับ ทำหน้าแบบเอ๋อ ๆ ยืนนิ่ง มาก ก็เลยเข้าใจว่า อ๋อนี้แหละ ความรู้สึกแบบ Just a PhD ครับ
ทำดุษฎีนิพนธ์เกี่ยวกับอะไร มีข้อค้นพบอะไรที่สำคัญและอยากแบ่งปันไหม
ดุษฎีนิพนธ์ที่ทำเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการบริหารแบรนด์องค์การ (Corporate Brand Management) สำหรับ SMEs ภาคการผลิตอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยครับ
สำหรับงานที่ทำและมีค้นพบเลยก็คือ ได้ตัวโมเดลที่สะท้อนความเป็นจริงสำหรับ SMEs ครับ กล่าวคือความเป็นผู้ประกอบการคือจุดเริ่มต้นของการบริหารแบรนด์องค์การ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า ความเป็น SMEs จะผูกติดกับผู้ประกอบการซึ่งลองสังเกตครับว่า ผู้ประกอบการ SMEs นี้เป็นเหมือนกับทุกอย่างขององค์การ บางรายทำหน้าที่เองแทบทุกหน้าที่ใน Business Faction ครับ ซึ่งหากผู้ประกอบการมีการยอมรับแนวคิดรูปแบบใหม่เพื่อนำมาปรับใช้ในการออกแบบการบริหารแบรนด์องค์การซึ่งต้องพิจารณาสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันไปพร้อมกันครับ
… สำหรับตัวโมเดลการบริหารแบรนด์องค์การที่ได้ศึกษาและพัฒนาจากการวิจัยแบบผสมสาน (Mixed Mode Method) ที่ทำการทดสอบด้วยค่าทางสถิติและการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับรางวัล Thailand Best SMEs Award กว่า 22 ราย ก็ได้ตัวโมเดลการบริหารแบรนด์องค์การที่เป็นกระบวนการคือ
1) การศึกษาบริบทแบรนด์องค์การ 2)การสร้างแบรนด์แบรนด์องค์การ 3)การรวบรวมกลยุทธ์แบรนด์องค์การ 4)การนำไปปฏิบัติ และ 5)การประเมินผลและการสร้างความต่อเนื่องเพื่อทำให้แบรนด์องค์การมีความยั่งยืนครับ ซึ่งงานที่ผมทำสามารถยืนยันได้ว่าแนวคิดการบริหารแบรนด์องค์การสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ SMEs ได้ครับ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่ในการขอบเขตพื้นที่ของการศึกษาแบรนด์ในวงวิชาการไทยครับ
ขอย้อนถาม ทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนปริญญาเอก
ที่ตัดสินใจมาเรียนปริญญาเอก เพราะว่าตอนจบปริญญาโทไปทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แล้วคิดว่าความรู้ที่เรามีอยู่มันจะไม่เพียงพอที่จะมาสอนนักศึกษาครับ กอปรกับความตั้งใจที่อยากเรียนให้จบปริญญาเอกเพราะเป็นเป้าหมายหนึ่งในชีวิตของตัวเองด้วยครับ
ระหว่างเรียนปริญญาเอก ชีวิตเป็นอย่างไรบ้างคะ เล่าให้เราฟังหน่อย
อย่างแรกเลยตอนที่เรียนปริญญาเอกนี้ จะพูดคำว่า “เบื่อ” บ่อยมาก ครับ เพราะเรียนหนัก ทั้งต้องอ่านหนังสือ ติดตามข่าวสารทางการบริหารธุรกิจ และต้องเขียน Paper ส่งอาจารย์ และต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเรียนทุกวัน เพราะว่าเวลาเรียนไม่มีการ lecture ของอาจารย์เลยครับ คือเรียนแบบ discuss กับ business issues ที่อาจารย์จะบอก topic ล่วงหน้า หมายความว่าเราต้องทำการบ้านเยอะมาก ต้องค้น paper อ่าน จด วิเคราะห์ และต้องสังเคราะห์ออกมาให้ได้ครับ เป็นแบบนี้อยู่ประมาณ ปีครึ่งจน course work หมดครับ
อย่างที่สองคือ ต้องเขียนบทความทั้งบทความวิจัย และบทความวิชาการตีพิมพ์ และนำเสนอด้วยครับ ตรงนี้แหละที่ผมใช้ให้เป็นโอกาสในการหาหัวข้อและพัฒนาหัวข้อของตัวเองไปด้วยครับ อย่างที่สามคือปัญหาในเรื่องการจัดการกับเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด คือก็พยายาม balance เวลาของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ และอย่างสุดท้ายคือสุขภาพครับ อันนี้คือสำคัญมากครับ เพราะความกดดัน และความเครียดทำให้เราป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลนอนป่วยเพราะความเครียดอยู่เป็นสัปดาห์ครับ หลังจากนั้นก็ปรับพฤติกรรมและจัดระเบียบความคิดและชีวิตตัวใหม่ครับ
ระหว่างเรียน เจอปัญหาอะไรที่คิดว่าหนักที่สุด
สิ่งที่ยากที่สุดคือการทำดุษฎีนิพนธ์ครับ เพราะใช้การวิจัยแบบแบบผสมสาน (Mixed Mode Method) เพราะต้องเก็บข้อมูลสองรอบทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ซึ่งความยากอยู่ตรงที่การเก็บข้อมูลครับ ด้วยความที่เราทำอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่มทั้งประเทศ ซึ่งตอนที่เสนอ Proposal คิดว่ามันไม่น่าจะยากเกินไป
พอได้มาทำจริงๆ รู้เลยว่ายากมาก โดยที่เราคิดว่าเราวางแผนดีแล้วในเวลาที่เรากำหนดไว้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด ต้องลงพื้นที่เอง ไปเก็บข้อมูลเอง ซึ่งใช้เวลาไปเกือบ 8 เดือนสำหรับการเก็บข้อมูลเพื่อการวิจัยเชิงปริมาณ และอีก 4 เดือนสำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ และโชคดีมากที่ได้รับความกรุณาจากผู้ใหญ่ใจดีจากสถาบันอาหาร และ สสว. ที่กรุณาประสานงานให้ด้วยครับ อันนี้หนักที่สุดครับกับการเก็บข้อมูล
หากย้อนไปได้จะบอกกับตัวเอง “Das Leben ist eine Reise” ซึ่งแปลได้ว่า ชีวิตคือการเดินทาง หากไม่เดินทางผ่านอุปสรรคในวันนั้นมา ก็จะไม่รู้ถึงคุณค่าของการเป็นด๊อกเตอร์
ผ่านช่วงเวลาที่ยากของด่านปริญญาเอกมาได้อย่างไร
ความพยายามและความอดทน ครับ อย่างที่บอกไปครับ การเก็บข้อมูลนั้นยากมาก ต้องพยายามก็คือต้องกลับมาวางแผนแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าให้หน้า พยายามสร้างทางเลือกให้ตัวเองและยอมรับสิ่งที่ผิดพลาด และเรียนรู้กับสิ่งที่เราทำ
ความอดทนนี้ เป็นสิ่งที่คนเรียนปริญญาเอกต้องมีเลยครับ ผมเคยพูดกับหลาย ๆ คน ที่ชื่นชมผมตลอดว่า จบปริญญาเอกตอนอายุ 30 เป๊ะ ผมมักจะตอบไปว่า ผมไม่ได้เก่งเลยครับ แต่ผมพยายามและอดทนเพื่อให้ผ่านสิ่งที่ผมกำลังทำก็แค่นั้น
คิดว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้คุณเรียนสำเร็จ
สิ่งแรกคือ เงินครับ เพราะการเรียนปริญญาเอกต้องเป็นโครงการลงทุนที่เสี่ยงมาก และผลตอบแทนจากการลงทุนที่เป็นตัวเงินไม่มากอย่างที่คิด ฉะนั้น การมาเรียนปริญญาเอกต้องวางแผนทางการเงินให้ดีครับ
สิ่งที่สองคือ สุขภาพครับ ซึ่งการเรียนปริญญาเอกมีความกดดัน ความเครียด และจะมีอาการวิตกตลอดเวลา ตรงนี้ทำให้เราต้องบริหารจัดการความคิด ปรับมุมมองการใช้ชีวิต และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งการออกกำลังกาย และอาหาร
สิ่งสุดท้ายคือ เวลาครับ การเรียนปริญญาเอกต้องลงทุนเรื่องเวลาเยอะมากทำให้เราต้องสูญเสียเวลาที่ควรจะมีให้กับครอบครัว และตัวเองน้อยลง แต่ก็ต้องวางแผนและจัดสรรเวลาให้ดีเท่าที่จะทำได้ และต้องบริหารเวลาในชีวิตอย่างรอบคอบมากครับ
ปัจจุบัน ได้ใช้ทักษะ ความรู้จากการเรียนมาประยุกต์ใช้กับงานหรือไม่ อย่างไรบ้าง
จริง ๆ ที่ตัวเองทำอยู่ก็คืองานด้านการตลาด การวิจัย และงานวิชาการของโรงเรียน ทำให้เรามีความคิดที่เชื่อมโยง มองประเด็นต่าง ๆ อย่างรอบด้าน แบบองค์รวม เพราะการทำโรงเรียนเป็นธุรกิจการศึกษา ทำให้เราต้องวิเคราะห์และนำเครื่องมือทางการจัดการบริหารธุรกิจต่าง ๆ มาใช้กับการบริหารจัดการโรงเรียนได้อย่างเหมาะสม
รวมถึงตอนนี้ผมก็เป็นอาจารย์พิเศษบรรยายให้กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็ได้นำความรู้ และเทคนิคบางอย่างมาสอนลูกศิษย์ด้วยครับ นอกจากนี้ก็ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับสมาคมธุรกิจผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดลำปาง และหอการค้าลำปางด้วยครับ ก็เลยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแบ่งปันความรู้กับผู้ประกอบการด้วยครับ
มีข้อคิดอะไรอยากฝากอะไรไว้ให้ผู้ที่กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่บ้าง
หากคุณต้องข้ามทะเล อย่ายืนมองมันเพียงอยู่บนฝั่ง คุณต้องว่ายน้ำไป แม้ว่าคุณจะเหนื่อยและรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจม แต่คุณต้องถึงจุดหมาย !!!
คำว่า “ก็แค่ปริญญาเอก” มีความหมายว่าอย่างไรสำหรับคุณ
ใบปริญญาไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้เรียนรู้ตลอดทางที่เรียน ทั้งการบริหารตนเอง การบริหารอาจารย์ที่ปรึกษา การแก้ปัญหา และเรียนรู้ชีวิต ซึ่งเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต และสิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากครับ การสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกไม่ได้เป็นเครื่องประดับชิ้นใหม่ทางสังคมของผมเลย ทว่ากลับเป็นเครื่องตอกย้ำให้ผมต้องรู้จักเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ให้มากขึ้น และนอบน้อมต่อความรู้ยังมีอีกมากมายในโลกใบนี้ครับ
…..
เพจก็แค่ปริญญาเอก ขอขอบคุณสำหรับการแบ่งปันข้อคิด และประสบการณ์อันมีค่าของ ดร.พงศ์ศิริ มากค่ะ
เพจก็แค่ปริญญาเอก ยินดีเปิดพื้นที่สำหรับการแบ่งปันประสบการณ์การเรียนปริญญาเอก เชิญชวน inbox มาหาเรา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อนๆคนอื่นกันค่ะ