“เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็น ดร.ทั้งสองคน?”
คำถามนี้เป็นคำถามที่แม่ของเราถูกเพื่อนๆถามเสมอ
เกือบทุกครั้ง เราได้ยินแม่ตอบเพื่อนว่า “ลูกๆเขาเก่งกันเอง”
แต่สำหรับเราสองคน จะค้านแม่อยู่ในใจเสมอว่า “ไม่ใช่เพราะเราเก่งหรอก แต่เพราะการเลี้ยงดูของแม่ต่างหากที่ทำให้เราสองคนเรียนจบปริญญาเอก และเป็นเราในทุกวันนี้ได้”
เนื่องในโอกาสวันแม่ ขอระลึกถึงพระคุณของแม่
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
ผู้เป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่
ผู้ที่เชื่อในตัวเรา ยิ่งกว่าตัวเราเอง
8 คำสอนของแม่ที่เราอยากแบ่งปัน
1.ระเบียบวินัย เป็นหลักการสำคัญที่แม่ใช้กับเรา แม่ฝึกให้เรารับผิดชอบหน้าที่ของตนเองตั้งแต่เด็ก ปลูกฝังและเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มาตั้งแต่เรายังเล็ก
เราจำได้ว่า ทุกเช้าในวันไปโรงเรียน เราสองคนจะตื่นด้วยนาฬิกาปลุก ทำกิจวัตรประจำวันตอนเช้าด้วยตนเอง เสร็จตามเวลา ไม่เคยไปโรงเรียนสาย แถมยังมีเวลาอ่านทบทวนหนังสือ 15-20 นาทีก่อนไปโรงเรียนทุกวัน เมื่อกลับจากโรงเรียน เราทำการบ้าน จัดตารางสอน วิ่งเล่น อาบน้ำ และเข้านอนตอน 2 ทุ่มเป๊ะทุกวัน ไม่เคยได้ดูทีวีเลย ยกเว้นเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
เราสองคนทำสิ่งต่างๆเหล่านี้จนเป็นนิสัย โดยที่แม่ไม่เคยต้องจ้ำจี้จ้ำไช แม่ใช้หลักว่า จะสอนและบอกแค่ครั้งเดียว แต่เน้นทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ตั้งแต่เล็กเรื่องระเบียบวินัยและการรู้จักหน้าที่ของตนเองจึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังอยู่ในตัวเราทั้งคู่ โดยไม่รู้ตัว และเมื่อไปเรียนปริญญาเอก เราทั้งสองก็รู้เลยว่าระเบียบวินัยที่แม่ฝึกมานั้นได้กลายเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เราผ่านหลายด่านที่ยากของปริญญาเอกมาได้
2. การศึกษาสำคัญที่สุด แม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของลูกตั้งแต่ยังเล็ก สำหรับแม่ การศึกษาของลูกเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่แม่พร้อมลงทุน แม่เชื่อว่าการศึกษาที่ดีจะเป็นพื้นฐานของชีวิต เป็นสมบัติติดตัวที่ไม่มีใครจะมาขโมยไปได้
แม่ของเราชอบอ่านหนังสือและค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ไม่มีวันไหนที่เราไม่เห็นแม่ไม่อ่านอะไร แม่อ่านทุกอย่างแม้กระทั่งถุงกล้วยแขก สำหรับเรื่องเรียนของลูก แม่จะคอยหาข้อมูลเรื่องโรงเรียน เรื่องการเรียนต่อ พูดคุยสอบถามจากผู้ที่มีประสบการณ์ เวลาที่แม่ไม่รู้อะไร แม่จะเริ่มจากถามไปเรื่อยๆ ค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ จนแม่มีข้อมูลมากพอ ที่จะเลือกการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่แม่จะให้ได้กับลูกของแม่
3. ความเชื่อของแม่ สำหรับแม่ แม่เชื่อว่าลูกของแม่เก่งเสมอ แม่ไม่เคยดุ ถึงแม้บางช่วงเวลา เราจะเรียนไม่เก่ง ทำคะแนนได้ไม่ดี แม่ไม่แม้แต่จะเอ่ยปาก ไม่เคยกดดันให้ลูกต้องทำให้ดีขึ้น ทุกครั้งแม่จะให้กำลังใจ เป็นแรงหนุนให้เราเสมอ
จำได้ว่าตอนที่เราได้เกรดน้อยๆ ตอนม.ต้น แม่บอกกับเราว่า คอยดูนะ เดี๋ยวพอขึ้นม.ปลายเราก็จะเก่งเอง ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังงงๆ ว่า จะเป็นไปได้ยังไงกัน แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ เหมือนกับตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่แม่บอกว่า แม่เชื่อว่าเราต้องสอบติด แล้วเราก็สอบติดจริงๆ
อ้อ! มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เกรดเราไม่ค่อยดี แม่ไม่บ่น แต่แม่เลือกที่จะเปิดเพลงคลาสสิคให้เราฟังในรถทุกเช้าและทุกเย็น ฟังไปประมาณหนึ่งปี จากเกรด 2 กว่ากลายเป็นเกรด 4 และกลายเป็นเด็กเรียนดีของห้องขึ้นมาทันที เราว่าเพลงคลาสสิคก็มีส่วนอยู่บ้าง แต่เราว่าสิ่งที่สำคัญกว่าเพลง คือ ความเชื่อของแม่ที่มีในตัวเรา
4. เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโต เราสองคนมีช่วงเวลาคุณภาพ ช่วงเวลาดีๆที่ได้ “คุย” กับแม่เยอะมาก เช่น ตอนที่แม่ขับรถไปรับและส่งเราที่โรงเรียน เราสองคนไม่เคยมีความลับกับแม่ เรารู้สึกสบายใจที่จะได้เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้แม่ฟังเสมอ และแม่ก็เป็นผู้ฟังที่ดีมาก รับฟัง รับมุข เป็นเพื่อนคุยสนุกกับเราได้ทุกเรื่อง
ถ้าไม่คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ เราก็จะฟังเพลง ร้องเพลงกันไปในรถอย่างสนุกสนาน แม่สามารถร้องเพลงที่ฮิตในสมัยนั้นของเราได้ทุกเพลง
5.ให้พื้นที่ในการเติบโต แม่ไม่เคยคิดเก็บลูกไว้กับตัวตลอดเวลา แม่จะคอยคิดหาทางให้นกน้อยของแม่ค่อยๆบินออกไปจากอกของแม่ทีละนิดอย่างมั่นคง เช่น เมื่อแม่มีความฝันและวางแผนว่าอยากส่งลูกไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ แม่ก็เริ่มต้นจากทดลองส่งเราไปเรียนซัมเมอร์คอร์สสั้นๆ ก่อน จากนั้น ก็ค่อยๆปล่อยให้เรามาเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพ ทั้งๆที่ตอนนั้นพ่อกับแม่อยู่ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นเราจะเลือกเรียนที่เชียงใหม่ก็ได้ แต่แม่ยืนยันว่าอยากให้เราได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างและเติบโตไปกว่านี้
ทุกขั้นตอนมีการวางแผน และค่อยๆ ปล่อยให้เราเติบโตและได้ไปเผชิญโลกในวัยที่เหมาะที่ควร แม่ใจกว้างเสมอ ถึงแม้จะห่วงลูกอย่างที่สุด แต่แม่ก็ส่งเราไปไกลๆ นานๆ และให้ความไว้ใจในตัวเรา ว่าลูกที่แม่ได้เตรียมความพร้อม ทั้งด้านความคิดและระเบียบวินัย จะออกไปในโลกกว้างอย่างไม่หลงลืม การที่แม่ยิ่งให้อิสระกับเรา กลับทำให้เรายิ่งอยากอยู่ใกล้แม่ และมีแม่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตเสมอ
6.พี่น้องต้องรักกัน แม่เลี้ยงเราสองคนให้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดต่อกัน แม่บอกเสมอว่ามีกันอยู่สองคน ต้องรักกันให้มาก แม่เลี้ยงดูเราในแนวทางเดียวกันมาตลอด แม่ให้ความสำคัญกับการมีพี่มีน้อง แม่ไม่เคยเปรียบเทียบเราสองคน ไม่เคยให้เรารู้สึกว่าต้องแข่งขันกัน มีแต่ว่าเราต้องช่วยเหลือกัน
จนในวันที่เราต้องเผชิญกับความยากที่สุดของชีวิตปริญญาเอก เราสองคนก็มีกันและกัน ช่วยเป็นกำลังใจ ช่วยปลอบโยนกัน คำว่า “พี่น้องต้องรักกัน” ของแม่ ช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตในชีวิตได้จริงๆ
7. ให้เรียนรู้สิ่งที่นอกเหนือไปจากตำรา แม่ไม่เคยบังคับให้เราเรียนพิเศษ และไม่เคยกังวลเรื่องเกรดหรือคะแนนของเราแม่บอกเราว่า ประสบการณ์การเรียนรู้ สำคัญกว่าความรู้ในตำรา หรือ ใบปริญญาใดๆ
เช่น ระหว่างที่เรียนอยู่เมืองนอก แม่จะคอยบอกให้เราไปท่องเที่ยวเมืองอื่นๆ บ้าง แม่บอกว่า ระหว่างเรียนนี้แหละที่จะสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสนุกที่สุดแล้ว พอเริ่มทำงานจะไปเที่ยวก็ไม่สนุกเหมือนตอนเรียน แม่คอยลุ้น คอยฟัง เวลาเราไปทำกิจกรรมอะไรใหม่ๆ แม่ก็จะสนุกไปกับเราด้วยเสมอ
และทุกครั้งที่เราได้บอกเล่าพูดคุย เล่าเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆกับแม่ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แม่ก็จะพาเราวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในแง่มุมของปรัชญาการใช้ชีวิต เพื่อที่เรา จะสามารถนำข้อคิดเหล่านั้น มาประยุกต์ใช้ได้กับชีวิต
8.รักอย่างไม่มีเงื่อนไข แม่รับฟังมากกว่าสอน โดยเฉพาะในช่วงของการเรียนปริญญาเอก แม่จะรับฟังทุกเรื่อง รู้ทุกอารมณ์ของการเรียน ทั้ง สุข ทุกข์ เศร้า แม่รู้สึกยิ่งกว่าเรารู้สึก แม่ลุ้นเราทั้งสอง แม่เรียนรู้ทุกขั้นตอนของการเรียนปริญญาเอกไปพร้อมๆกับเรา
บางครั้งเมื่อช่วงเวลาของการเรียนทอดยาวออกไป จนเราเองก็มองไม่เห็นปลายทางว่า เมื่อไหร่หนอเราจะเรียนจบซักที แม่มองหน้าพวกเราด้วยสายตาที่เป็นห่วง และเข้าใจอย่างที่สุด แม่เอ่ยปากออกมาว่า ถ้าไม่ไหว ก็ไม่ต้องเรียนก็ได้นะลูก แม่รับได้กับทุกเรื่อง ถ้ามันหนัก และไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร
ตอนนั้น เรารับรู้ความรักของแม่อย่างที่สุด รับรู้ว่าทุกวันที่ผ่านไป แม่ก็รอคอยด้วยความหวัง อยากให้ลูกเรียนจบกลับมา แต่นอกเหนือกว่านั้น คือความรักที่แม่มีให้เรา แม่รับได้ถ้าเราจะล้มเหลว ถ้าเราจะเรียนไม่สำเร็จ เพราะยังไงเราก็คือลูกของเขาที่เขาภาคภูมิใจเสมอกับความเป็นตัวเรา ความรักอย่างไม่มีเงื่อนไขของแม่ จึงเป็นพลังใจที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้เราฮึดสู้จนสำเร็จ
…และในวันที่เราสองคนสำเร็จปริญญาเอก ในวันนั้น ความสำเร็จของเราก็เป็นของแม่ด้วย
ขอบคุณแม่ที่เลี้ยงดูให้เราได้เติบโตมา ได้รับโอกาสมากมายในชีวิต
ความรักที่แม่ให้อย่างไม่เคยเรียกร้องขอสิ่งใดตอบแทน
ขอกราบแทบเท้าแม่ และขอบอกแม่ว่า รักแม่ที่สุดในโลกค่ะ
ในวันแม่แห่งชาตินี้ สิ่งที่ลูกทุกคนทำได้ คือ ระลึกถึงพระคุณของแม่
และให้รู้ว่าไม่มีใครอีกแล้วที่จะรักและปรารถนาดีกับเราได้มากเท่ากับแม่
พัด-พัน
แอดมินเพจก็แค่ปริญญาเอก