แขกรับเชิญพิเศษวันนี้ คือ ดร.แมรี่ สุมนา ลาภาโรจน์กิจ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ และอาจารย์สาวสวย ขวัญใจนักศึกษา ภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ดร.แมรี่ จบการศึกษาปริญญาโท 2 ใบ (MA และ MSc) จาก University of Warwick และ University of Strathclyde และจบการศึกษาปริญญาเอกด้าน Marketing & Strategy จาก Cardiff University, UK
วันนี้เธอจะมาแบ่งปันประสบการณ์การเรียนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับพวกเราที่นี่ค่ะ
สิ่งที่ประทับใจเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย และการใช้ชีวิตในต่างประเทศ?
สิ่งที่ประทับใจในมหาวิทยาลัยที่อังกฤษคือเรื่อง ความมีระเบียบวินัย และความตรงต่อเวลาในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการส่งงาน การลงทะเบียน ระบบการเรียนการสอนที่เป็นอิสระ และเน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเองมากๆ ค่ะ
แล้วก็ชอบธรรมชาติ อากาศดี มีต้นไม้ ดอกไม้เยอะ มีทางเท้ากว้างๆ ก็ทำให้ได้เดินเยอะ ในแต่ละวัน เดินไปกลับจากที่พักถึงคณะฯ วันละหลายกิโล ได้ออกกำลังกายไปในตัวค่ะ
ส่วนเรื่องการใช้ชีวิต ต้องบอกก่อนว่าการใช้ชีวิตในต่างประเทศ จริงๆแล้วไม่ได้สวยหรูเหมือนเวลาดูละครหรือเวลาไปเที่ยว ขึ้นชื่อว่าการใช้ชีวิตก็จะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย นอกจากการเรียนก็ต้องทำสิ่งอื่นๆด้วยตัวเอง เช่น ติดต่อหาที่พัก น้ำ ไฟ โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต การทำงานบ้านต่างๆ ซึ่งเราก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาค่ะ เพราะต้องอ่านหนังสือและเขียนวิทยานิพนธ์ด้วย บางทีเรื่องพวกนี้ก็จุกจิกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ข้อดีคือเป็นการฝึกตัวเราให้เป็นคนรอบคอบ และได้เรียนรู้ชีวิตในหลายแง่มุมค่ะ
แต่ด้านที่สนุกก็มีเยอะค่ะ อย่างเช่น เวลาเครียดๆบางทีก็ลุกขึ้นมาทำอาหาร ร้องเพลง เปิดยูทูป จัดมินิคอนเสิร์ตเล่นกันเองกับเพื่อนๆ
หรือ เคยมีแบบว่า คิดงานไม่ออก ต่อมเครียดก็ไปกระตุ้นต่อมอยาก อยู่ๆ ก็อยากกินโมจินมสดของเมืองไทยยามดึกมาก ก็เลยปิดหนังสือไม่อ่านละ เพราะนั่งต่อก็เขียนไม่ได้อยู่ดี ออกมาเปิดหาสูตร แล้วก็มานั่งทุบๆ ปั้นๆ แป้งโมจิตอนเที่ยงคืน ทำคนเดียว แล้วก็เป็นการทำครั้งแรกด้วย ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาปั้นโมจิยามวิกาล กว่าจะเสร็จก็ตี 3 ไม่ได้งานแต่ได้โมจิไปให้เพื่อนป.เอก ชิมแทน 555 แต่ก็หายเครียด คืนนั้นหลับสบายเลย เพราะเหนื่อยกับการนวดปั้นแป้งและล้างอุปกรณ์
ที่เล่ามา จริงๆ อยากบอกว่า ผู้เรียนต้องรู้จักแบ่งเวลา อย่าเครียดจนมองไม่เห็นโลกภายนอก ความสุขรอบตัว ต้องรู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุขด้วยในทุกๆวัน
อีกหนึ่งข้อดีของการไปเรียนต่างประเทศ คือ เราจะมีเพื่อนจากหลากหลายเชื้อชาติ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมจากหลายประเทศ โดยเฉพาะเพื่อนกลุ่มที่เรียนป.เอกด้วยกัน จะรักและเข้าใจกันมาก เพราะหัวอกเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน ไม่ต้องพูดก็เข้าใจ ความเข้าใจและกำลังใจที่มีให้กันก็ก่อตัวเป็นมิตรภาพดีๆ ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ค่ะ
และที่สำคัญก็จะมีมิตรภาพดีๆจากพี่น้องผองเพื่อนคนไทยที่ไปอยู่ต่างแดนด้วยกัน ซึ่งเราก็จะร่วมทุกข์ร่วมสุข ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอค่ะ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ประทับใจมาก กลับมาเมืองไทย ถึงจะแยกย้ายไปคนละที่ นานๆเจอกันที แต่มิตรภาพก็ไม่ได้จางลงเลยค่ะ
ความท้าทายระหว่างเรียน และเอาชนะทุกสิ่งมาได้อย่างไร?
ความท้าทายก็มีบ้างเป็นระยะค่ะ มีตั้งแต่เรื่องจุกจิกทั่วไป จนถึงเรื่องใหญ่ อย่างเช่น ตอนจะสอบ VIVA ปรากฏว่า External Examiner ประสบอุบัติเหตุค่ะ ต้องหาคนสอบใหม่กะทันหัน และต้องรอ อะไรแบบนี้ค่ะ
ทุกครั้งที่เกิดปัญหาสิ่งแรกเลยคือเราต้องตั้งสติค่ะ ค่อยๆคิดว่าจะแก้ไขยังไง โดยส่วนตัวจะเชื่อเสมอว่าทุกปัญหามีทางแก้ไข สติมา ปัญญาเกิดค่ะ คำสอนนี่เป็นคติประจำใจที่ยังใช้จนทุกวันนี้ แม้แต่ในการทำงานค่ะ
อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังเรียนอยู่บ้างคะ?
ถ้าเปรียบชีวิตการเรียนป.เอก ก็เหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ “Life is a rollercoaster” เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเจออะไรบ้าง ขึ้นบ้าง ดิ่งบ้าง วูบบ้าง ปนๆ กันไป เป็นรสชาติชีวิต
อย่างเช่น วันไหนที่อาจารย์ที่ปรึกษาชม วันนั้นจะอารมณ์ดี ชีวิตดีขึ้นสูงเลย แต่อีกวัน อาจารย์บอกว่ามาผิดทาง ไปทำมาใหม่ แค่นั้นจากที่สูงก็ดิ่งวูบได้ทันทีค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดในยามที่คุณรู้สึกว่าชีวิตอยู่ในขาลง เศร้า เครียด คิดไม่ออก ต้องไม่ท้อค่ะ ความมุ่งมั่นจะนำไปสู่ความสำเร็จ
คติที่ใช้ประจำคือ “Where there is a will, there always be the way” (ปรับแต่งจากเค้าโครงเดิมนิดหน่อยค่ะ) แต่นี่คือเรื่องจริงค่ะ เป็นคติอมตะ เพราะความพยายามจะเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ และอย่างที่บอกตอนต้น หากเจอปัญหาต่างๆนานา ขอให้ตั้งสติเป็นสิ่งแรก ค่อยๆคิดหาวิธีแก้ปัญหา เอา วิชาปรัชญาและกระบวนการวิจัย การคิดอย่างเป็นระบบ มาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตด้วยจะช่วยได้มากค่ะ
สิ่งที่ได้จากการเรียนนำมาใช้อย่างไรในชีวิตปัจจุบันคะ?
ทุกวันนี้ก็มีโอกาสได้ใช้สิ่งที่เรียนมาอย่างต่อเนื่องค่ะ ได้นำความรู้ด้านวิจัยมาทำงานวิจัยช่วยชุมชนค่ะ ได้มาเป็นอาจารย์ มีโอกาสถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้นิสิตนักศึกษาอยู่เสมอค่ะ ทั้งในด้านวิชาการ คุณธรรมและจริยธรรมค่ะ ซึ่งนิสิตนักศึกษาเหล่านี้ก็จะเป็นอนาคตและกำลังสำคัญของประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสรรค์สร้างสังคมและประเทศชาติค่ะ
ขอให้ช่วยนิยามคำว่า “ก็แค่ปริญญาเอก”
ปริญญาเอก เป็นเพียงก้าวแรกของการเป็น Professional Researcher ปริญญาเอกไม่ใช่ the end of journey แต่เป็นการเริ่มต้นของ journey ใหม่ในฐานะนักวิชาการและนักวิจัย
วันที่เรียนจบคือวันที่ Supervisor และ Examiners มองเห็นความพร้อมของเราในฐานะนักวิจัยที่เข้าใจในปรัชญาวิจัย สามารถนำองค์ความรู้และกระบวนการวิจัยมาใช้ได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น การเรียนจบก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะรู้ทุกอย่าง หากแต่เรามีองค์ความรู้ที่เพิ่มขึ้น และมีความเข้าใจในกระบวนการวิจัยที่ลึกซึ้งขึ้นค่ะ
ที่สำคัญที่สุดคือตัวเรายังคงต้องเรียนรู้ ขวนขวายหาความรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะโลกกว้างใหญ่และยังมีอะไรๆให้เราค้นหาและเรียนรู้อีกเยอะค่ะ
#ขอบคุณมากมาย #ประสบการณ์ดีดี #รูปสวยสวย #แรงบันดาลใจที่แบ่งปัน #ยอดเยี่ยมมากค่ะ #อ่านจบแล้วยิ้มกว้าง #ขอให้ดรแมรี่ประสบความสำเร็จในงานที่รักตลอดไปค่ะ
#ข้อคิดจากดรแมรี่ #สติมาปัญญาเกิด #มิตรภาพดีดี #มองโลกในแง่ดี #มีความสุขในทุกวัน