แขกรับเชิญวันนี้ คือ ดร.แอ้ว (PhD in Chemistry จาก University of Auckland, New Zealand)

ดร. แอ้ว เป็นผู้เรียนปริญญาเอกคนแรกๆ ที่รู้จักและกดไลค์เพจนี้

ในช่วงที่ ดร. แอ้ว กำลังกัดฟันทำธีสิสเพื่อใกล้จบอยู่นั้น ดร.แอ้ว แอคทีฟมากๆกับเพจนี้ โดยเสนอความเห็น แบ่งปันประสบการณ์ และส่งพลังด้านบวกอย่างสม่ำเสมอ ในเกือบทุกโพสท์

แอดมินประทับใจและจำ ดร. แอ้วได้ดี ประการแรก เป็นเพราะความถี่ของคอมเมนต์ ที่ล้วนเฉียบและเนี้ยบ และ อีกประการหนึ่ง เป็นเพราะรูปหน้าสวย เก๋ สะดุดตา ที่ปรากฎใน Profile Picture

เวลาผ่านไปกว่า 2 เดือนที่เรารู้จักกันผ่านหน้าเพจ วันนี้ ดร.แอ้ว สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกมาแบบหมาดๆ

แอดมินขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้ และขอบคุณมากๆที่่ดร.แอ้ว ยินดีมาเป็นแขกรับเชิญ เพื่อบอกเล่าความรู้สึกต่างๆแบบเต็มๆ ที่นี่ค่ะ

….ความรู้สึกของคนที่เพิ่งเรียนจบ “ฟิน” แค่ไหน อย่างไร?

ความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ คือ โล่งงงงงงงงงงใจมากค่ะ เปรียบเหมือนว่าเราว่ายน้ำกระเสือกกระสนทนฝ่าพายุคลื่นลมมาห้าปี ตอนที่ส่งตัวเล่มแล้วได้กระดาษแผ่นนึงมาถือในมือ (Result of Doctoral Examination) ที่บอกว่าเราเรียนจบแล้ว มันเหมือนกับมือเราได้สัมผัสชายฝั่ง เหมือนเรามาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว

ในหัวก็มีแต่ความคิดว่า ต่อจากนี้ไปจะได้เริ่มทำนู่นนี่นั่นที่อยากทำมานานแต่ทำไม่ได้ เช่น ไปเที่ยว พาคนในครอบครัวไปทริปไกลๆ จัดงานแต่งงาน ฝึกทำอาหารเมนูใหม่ๆ เริ่มขายคัพเค้กแบบจริงๆ จังๆ และอื่นๆ อีกมากมาย

คือที่ผ่านมาห้าปีเหมือนชีวิตเราหยุดทุกอย่าง มีแต่เรื่องเรียนกับทำงานเท่านั้น มีแต่เครียด เครียดมากและเครียดมากที่สุด….

….พอรู้ว่าเรียนจบ สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกคืออะไร?

เดินไป Student Information Centre เพื่อทำเรื่องของ refund เงินค่าเรียนคืนค่ะ เรียนจบก่อนกำหนดเดือนนึงเลยได้เงินค่าเรียนคืน

…กว่าจะมาถึงวันนี้ ฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง ช่วยยกตัวอย่างอันที่คิดว่าหนักสุด?

น่าจะเป็นตอนที่เจอปัญหา ซึ่งก็คือตลอดเวลาที่เรียนปริญญาเอกนั่นแหละค่ะ

เวลาแก้ปัญหาไปได้อันนึง ปัญหาอีกสิบอันก็โผล่ขึ้นมา ตามแก้ไปอีกเรื่อยๆ

เวลาที่มีปัญหามากๆ คิดว่าหนักสุด เพราะเรารู้สึกท้อแท้ เครียด จะหาคำตอบทีก็ไม่ได้ง่าย นั่ง search ข้อมูลเป็นวันๆ อ่านทีเป็นตั้งๆ จะเชื่อทุกอย่างที่คนตีพิมพ์ก็ไม่ได้ อ่านไปก็ต้องนั่งจับผิดไปว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง

….ผ่านทุกอย่างมาได้อย่างไร?

พยายามเตือนตัวเองเวลาที่จิตตกว่า ยิ่งใช้เวลาไปนั่งจิตตกนานเท่าไหร่ ก็จะเสียเวลาในการแก้ปัญหาไปเท่านั้น

เพราะฉะนั้นเวลามีปัญหา ให้รีบตั้งสติให้ไว เมื่อสติมา ปัญญาก็เกิด คิดวางแผนว่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีไหน แล้วก็รีบลงมือทำตามแผนที่วางไว้ค่ะ

คำที่มีในหัวเพื่อเตือนตัวเอง คือ Shut up and just do it!

….วางแผนชีวิตต่อจากนี้อย่างไร?

คงจะเหมือนคนทั่วๆ ไปที่คิดจะแต่งงาน สร้างครอบครัว ซื้อบ้าน มีการงานที่เจริญก้าวหน้าและมั่นคง

แต่อีกอย่างที่แอบคิดไว้ว่าอยากทำ คือไปเป็นวิทยากรรับเชิญให้คำแนะนำน้องๆ นักศึกษาที่อยากมาเรียนต่อต่างประเทศ เพราะได้ผ่านมาทุกอย่างทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง (ตั้งแต่สมัครเรียน หาทุนเรียน หางาน หาเงิน หาเพื่อน หา connection สมัคร permanent residence จนถึงสมัครสัญชาติ)

….มีคำแนะนำหรือกำลังใจอะไรให้ผู้ที่กำลังเรียนอยู่?

ตอนที่ท้อมากๆ ได้คำพูดจากสองท่านที่ให้กำลังใจและให้ข้อคิด

เจ้าหน้าที่แล็บ: Doing PhD is meant to be hard. Otherwise, just about anyone can do it.

นั่นหมายความว่าที่เราบ่นๆ ว่ายากๆ ท้อแท้เหลือเกิน มันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ เพราะมันออกแบบมาให้ยากแบบนี้ แต่คนส่วนใหญ่ก็ผ่านมันไปได้ ถ้าเราไม่หยุดสู้ เราก็สามารถไปเป็นหนึ่งในคนที่ผ่านมันไปได้เหมือนกัน

อาจารย์ที่ปรึกษารอง: People don’t know what they don’t know.

เราจึงต้องขวนขวายอย่างมากเพื่อที่จะหาให้เจอว่าสิ่งไหนที่เรายังไม่รู้ จะได้ทำให้รู้ การพูดคุยกับคนหลากหลายก็จะช่วยให้เราค้นพบสิ่งที่เราไม่รู้ด้วยเหมือนกัน

*****************************************
ค่ะ และวันนี้ ดร.แอ้ว ก็สามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปเป็น หนึ่งในคนที่ผ่าน “ปริญญาเอก…ที่ออกแบบมาให้ยาก” ได้สำเร็จ

ช่างยอดเยี่ยมและน่าภาคภูมิใจมากค่ะ ^^

‪#‎เพจก็แค่ปริญญาเอก‬ ‪#‎JustaPhD‬

‪#‎ขอบคุณรูปสวยๆความหมายดีดี‬
‪#‎วันส่งเล่มธีสิส‬ ‪#‎วันที่ได้รับจดหมายแจ้งข่าวดี‬
‪#‎สองวันดีดีที่ใครๆก็รอคอย‬